นักลงทุนช็อก! แบงก์สหรัฐล้ม

นักลงทุนแห่ทิ้งหุ้นแบงก์ หลังตกใจ 'เลห์แมน บราเธอร์ส' ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐล้มละลาย เพราะปัญหาซับไพร์ม บานปลายหนัก ทำหุ้นไทยร่วงเกือบ 12 จุด แบงก์ชาติระบุสถาบันการเงินไทยกระทบจิ๊บจ๊อยแค่ 4,300 ล้านบาทฟุ้งฐานะแข็งแกร่ง ด้านดอลลาร์แข็งค่าจับตาเงินทุนไหลออกนำไปอุ้มเลห์แมนฯ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ก.ย. รายงานข่าวจากวงการธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคาร เลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์

หลังช่วงเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 15 ก.ย. ตามเวลาในไทย เพื่อยืนยันว่าบริษัทจะยื่นเรื่องขอพิทักษ์ทรัพย์สินภายใต้กฎหมายล้มละลายของสหรัฐ หลังจากประสบภาวะล้มละลายหลังขาดทุนเป็นวงเงินมหาศาลจากการเข้าไปลงทุนในตลาดสินเชื่อบ้านของสหรัฐ หรือซับไพร์ม ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างเห็นว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการเงินโลก เพราะมีธนาคารหลายแห่งทั่วโลกที่เข้าไปทำธุรกรรม ทางการเงินข้องเกี่ยวกับเลห์แมนฯ

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การยื่นพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมนฯ จะส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินไทยที่ไปซื้อตราสารหนี้ และตราสารอื่นเล็กน้อย

เนื่องจากเงินที่ไปลงทุนในตราสารหนี้ มีมูลค่าเพียง 4,300 ล้านบาท ของมูลค่าการลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ไทย เมื่อสิ้นเดือนก.ค.ที่อยู่ระดับ 102,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.3% ของสินทรัพย์รวมระบบธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง และธนาคารพาณิชย์ไทยได้ทำธุรกรรมนอกงบดุลกับเลห์แมนฯ เช่น อนุพันธ์ต่าง ๆ ประมาณ 5,300 ล้านบาทตามมูลค่าตามสัญญา แต่มูลค่าจริงที่ชำระจะต่ำกว่านี้และถ้าเกิดความเสียหาย จะไม่ถึง 100 ล้านบาท เพราะคิดแต่ส่วนต่างของดอกเบี้ยที่ไม่มีการส่งมอบก่อนกำหนดเท่านั้น

ทั้งนี้ต้องติดตามสถานการณ์ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิด และรอประกาศอย่างเป็นทางการ

ถ้าเลห์แมนฯ ประกาศล้มละลายต้องดูว่ามีการผ่องถ่ายให้บริษัทลูกทำธุรกรรมอะไรบ้างและมีสถานะเป็นอย่างไร และทรัพย์สินด้อยค่าหรือไม่ หากสินทรัพย์ด้อยค่าธนาคารพาณิชย์ไทยจำเป็นต้องกันสำรองตามมาตรฐานบัญชี เพื่อป้องกันความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าไม่กระทบต่อลูกค้าที่ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ไทย สำหรับเงินทุนไหลออกจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีการโยกเงินลงทุนในเอเชียไปลงทุนในทรัพย์สินของสหรัฐมากขึ้น เพื่อช่วยสถาบันการเงินในสหรัฐ

“ปัญหาของเลห์แมน บราเธอร์สยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ไทยเพียงเล็กน้อย เพราะไม่ได้มีสาขาอยู่ที่ประเทศไทย และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตที่บริหารจัดการได้ เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์และปรับตัวล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเห็นจากเงินทุนไหลออกและตลาดหุ้นตกต่อเนื่อง และมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้างต่อระบบการเงินต่างประเทศ”

สำหรับกรณีที่เฟดเข้าไปช่วยเหลือสถาบันการเงินของสหรัฐที่มีปัญหานั้น ต้องการให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพ

ซึ่งต้องจับตามองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของโลกจะเป็นอย่างไรสถาบันการเงินไทยจะได้ปรับตัวได้ทัน โดยยืนยันว่าสถาบันการเงินไทยแข็งแกร่งรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ เพราะมีการลงทุนในต่างประเทศไม่มาก และวงเงินปล่อยสินเชื่อ 70% มาจากฐานเงินฝากของประชาชนไม่ได้กู้จากต่างประเทศ เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ยอยู่ที่ 15.2%

ส่วนบรรยากาศการซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดหุ้นไทย ปรากฏว่า ดัชนีดิ่งรับข่าวกรณีที่ เลห์แมนฯ ได้ออกแถลงการณ์พิทักษ์ทรัพย์ทันที

เพราะกังวลว่าจะเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติการเงินในทั่วโลก รวมไปถึงปัญหาซับไพร์ม จึงทำให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ ธนาคารกสิกรไทย ปิดที่ 65 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.70%, ธนาคารกรุงเทพ ปิดที่ 110 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 2.65%, ธนาคารไทยพาณิชย์ ปิดที่ 72.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.33%, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปิดที่ 19 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 1.04%, ธนาคารทหารไทย ปิดที่ 1.09 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 3.54%, ธนาคารกรุงไทย ปิดที่ 7.10 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 2.07%, ไทยธนาคาร ปิดที่ 1.36 บาท ลดลง 0.05 บาทหรือ 3.55% เป็นต้น โดยตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ 642.39 จุด ลดลง 11.95 จุด หรือ 1.83% ด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 7,453.57 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทได้ปิดตลาด 34.58-34.62 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเพราะค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากปัญหาของเลห์แมนฯ และคาดว่าวันที่ 16 ก.ย.นี้ ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 34.55-34.65 บาทต่อดอลลาร์

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบด้านจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่จะมากน้อยแค่ไหนยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ไทยได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปัญหาสถานะทางการเงินของเลห์แมน บราเธอร์ส เพราะจากที่คาดกันว่าเม็ดเงินต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในไตรมาส 4 ปีนี้ คงต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 52 แทน เนื่องจากปัญหาสำคัญในขณะนี้ คือ ทุกสถาบันการเงินต้องมีเงินเติมทุนเข้ามา เพราะถ้าไม่มีทุนก็ต้องขายสินทรัพย์ออกไป หรือถ้าเพิ่มทุนไม่ได้ต้องขายกิจการต่อไป จึงทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นได้ยาก

นายบรรลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร กล่าวว่า คาดว่าไม่มีผลกระทบต่อสถาบันการเงิน ของไทย แต่ส่งผลทางอ้อม

และต้องดูว่ามีเงินไหลออกอีกหรือไม่หากเงินไหลออกจะไม่เป็น ผลดีต่อไทย ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังชะลอตัว นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกให้สั่นสะเทือนในระยะสั้น แต่ระยะยาวคาดว่าสหรัฐ จะมีการเข้าไปแทรกแซงเอง เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวไม่ให้ลุกลามแบบเรื้อรังไปทั่วโลก ซึ่งในส่วนของนักลงทุนในระยะยาวจะมีการปรับตัวได้เอง ส่วนของไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบเพียงทางอ้อมเท่านั้น โดยธุรกิจที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบที่สุด เพราะนักลงทุนจะเกิดอาการตกใจ และคาดว่าในระยะสั้นนี้จะเห็นการเทขายหุ้นเพิ่มมากขึ้น ส่วนเม็ดเงินที่มีการลงทุนในหุ้นของเลห์แมนฯ มีมูลค่าไม่มากนัก

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า จะส่งผลกระทบต่อภาวะลงทุนในประเทศไทยแน่นอน

โดยเฉพาะเงินลงทุนจากต่างชาติอาจหาได้ยาก ขึ้น ดังนั้นไทยจำเป็นเร่งแก้ปัญหาการเมืองในประเทศให้คลี่คลายลงโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกลับมาลงทุนอีกครั้ง นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ได้ออกมาระบุว่ารัฐบาลสหรัฐ ต้องดำเนินมาตรการอย่างรอบคอบในการรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้นกับเลห์แมนฯ แต่ไม่ควรใช้งบประมาณของรัฐบาลเข้าไปอุดหนุน ซึ่งล้วนเป็นเงินภาษีของประชาชน และอาจมีธนาคารและสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐประสบปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นล้มละลายเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่รัฐบาลไม่ควรเข้าไปอุ้มหรือช่วยเหลือทั้งหมด

ทั้งนี้เลห์แมนฯ กำลังขาดสภาพคล่องอย่างหนัก หลังประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา ขาดทุนกว่า 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์หวั่นวิตกว่า หากสถาบันการเงินแห่งนี้ประสบภาวะล้มละลาย อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงความเชื่อมั่นของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์