ต่างชาติ แซ่ซ้อง ในหลวงยิ่งใหญ่

สื่อนานาชาติเทิดทูน "ทรงเป็นกษัตริย์ผู้สร้างพลังสามัคคี"

"ทรงเป็นกษัตริย์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่เรื่องเทพนิยายแต่ยังดำรงอยู่และมีความสำคัญอย่างยิ่ง" สื่อนานาประเทศแซ่ซ้องในหลวงกษัตริย์ยิ่งใหญ่
สื่อนานาประเทศพร้อมใจเสนอข่าวและบทความงานพระราชพิธี "ไทม์" ตีพิมพ์บทความเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นกษัตริย์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่เรื่องเทพนิยาย แต่ยังดำรงอยู่และมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ระบุทรงเป็นพระประมุขผู้สร้างพลังสามัคคี นำพาประเทศเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคง


นิตยสารไทม์ ฉบับล่าสุด นำเสนอบทความเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดย นายปิโก ไอเยอร์ ผู้เขียนบทความ ได้เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า สถาบันกษัตริย์ไม่ใช่เรื่องพ้นสมัยแต่ยังคงอยู่ และมีบทบาทความสำคัญในยุคสมัยปัจจุบัน ไทม์ ระบุว่า แม้ว่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ประเทศที่ปกครองแบบสาธารณรัฐและประชาธิปไตยทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 40 ชาติ เป็น 120 ชาติ ส่งผลให้สถาบันกษัตริย์ถูกมองว่าพ้นยุคพ้นสมัย และประชากรทั่วโลก 9 ใน 10 คน มองว่าเรื่องกษัตริย์เป็นเหมือนเทพนิยาย แต่หลายชาติในเอเชีย สถาบันกษัตริย์ยังมีอยู่จริง มีบทบาท และดำรงอยู่อย่างมั่นคง


โลกประจักษ์เรื่องราวถึง 2 ด้าน



ดังจะเห็นได้จากกรณีของพระมหากษัตริย์ของไทย ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ชาวไทยได้จัดงานเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งพระราชพิธีและรัฐพิธีที่จัด รวมถึงการที่พระประมุขและพระราชวงศ์จาก 25 ประเทศทั่วโลก เสด็จฯ มาร่วมถวายพระพรชัยมงคลพระมหากษัตริย์ของไทย นิตยสารการเมืองทรงอิทธิพลระดับโลกฉบับนี้ระบุด้วยว่า ขณะที่มีการตั้งความหวังว่าสถาบันกษัตริย์จะนำพาแสงสว่างและอนาคตมาสู่ประเทศ แต่ในความเป็นจริง บ่อยครั้งที่ความหวังดังกล่าวกลับสร้างความผิดหวัง โดยในปีนี้ โลกได้เป็นประจักษ์เรื่องราวทั้ง 2 ด้านที่เกิดขึ้นในเอเชีย เมื่อ 6 เดือนก่อน กษัตริย์จิกเม ซิงเย วังชุก แห่งภูฏาน


ได้สร้างความตื่นตะลึงกับชาวโลกด้วยการประกาศสละราชบัลลังก์โดยสมัครใจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศ แต่ในประเทศใกล้เคียงกันอย่างเนปาล กษัตริย์คยาเนนทรา กลับทรงดำเนินการตรงกันข้าม ด้วยการยึดอำนาจบริหารประเทศ แต่ก็ยอมให้มีการเปิดรัฐสภาอีกครั้งเมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นประท้วงต่อต้านอำนาจของพระองค์ สำหรับประเทศไทย นิตยสารไทม์ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งจนทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะวุ่นวายทางการเมือง จนกระทั่ง



นานาชาติ ยกย่องเผยแพร่พระราชประวิติ พระราชกรณียกิจ ถึง 4.16 นาที



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาแนวทางยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น นิตยสารไทม์ ชี้ว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพระราชอำนาจโดยชอบธรรมที่จะดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากพระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง พระองค์ไม่มีความจำเป็นต้องส่งเสริมภาพลักษณ์ของพระองค์เองเพื่อเอาชนะใจปวงชน เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศอยู่แล้ว พระองค์ทรงได้รับการยกย่องในฐานะนักดนตรี จิตรกร นักประดิษฐ์ที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตร และยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงถูกมองว่าเป็น พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระเมตตา เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วราชอาณาจักรและเปิดโครงการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน


ไทม์ระบุว่า พระมหากษัตริย์ของไทยทรงคงมีบทบาทเป็นพระประมุขผู้สร้างสามัคคีภายในประเทศ ทรงนำพาประเทศผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ ภายใต้การแสดงออกที่สะท้อนความหนักแน่น มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่พระราชประวัติ ขณะเดียวกัน สถานีข่าวซีเอ็นเอ็น ได้นำเสนอสารคดีพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเวลานานถึง 4.16 นาที เมื่อวันจันทร์ (12มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และพระราชวงศ์ผู้แทนพระองค์ ทั้ง 25 ประเทศ



สื่อนานาชาติ ชื่นชมพระราชพิธี "อลังการ"



เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล โดยระบุว่า ในสัปดาห์นี้ประเทศไทยได้มีงานเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในโลก ตอนหนึ่งของสารคดีพระราชประวัติความยาวกว่า 4 นาทีนั้น ได้ระบุว่า ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติการณ์ความขัดแย้งขึ้นในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ทางการเมือง ยุติความขัดแย้ง นำพาประเทศให้กลับมาเป็นปกติสุข นอกจากนั้น ซีเอ็นเอ็นยังได้สัมภาษณ์บุคคลสำคัญในไทยที่กล่าวถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี


ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นที่เดินทางมาทำข่าวนี้ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า การที่กษัตริย์ไทยทรงเป็นที่รักของคนไทยนั้น เพราะพระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทย เช่น ทรงริเริ่มโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาการปลูกฝิ่น ทั้งนี้ สารคดีวิดีโอคลิปพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวชิ้นนี้ ได้รับความนิยมมาก โดยมีคนคลิกเข้าไปเปิดชมติดอันดับต้นๆ ของวิดีโอคลิปรายการข่าวของซีเอ็นเอ็น สื่อเทศชื่นชมพระราชพิธี "อลังการ" ด้านสื่อต่างประเทศที่ติดตามมาทำข่าวพระประมุขและพระราชวงศ์เสด็จฯ ร่วมถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พากันประโคมข่าวความอลังการของพระราชพิธีและรัฐพิธีที่ชาวไทยจัดถวายแด่ในหลวง



ไฮไลท์ยิ่งใหญ่ "ขบวนเรือพระราชพิธี"



โดยหนังสือพิมพ์บาห์เรน ทรีบูน นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับขบวนเรือพระราชพิธี ซึ่งประกอบด้วยเรือถึง 52 ลำ ฝีพายกว่า 2,000 ชีวิต เสียงเห่เรือดังก้องทั่วลำน้ำเจ้าพระยา บาห์เรน ทรีบูน รายงานว่า ขบวนเรือพระราชพิธี ถือเป็นไฮไลท์ของการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี นาน 5 วัน โดยพระประมุขและพระราชวงศ์จากทั่วโลก ซึ่งรวมถึง เชคคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล-คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ได้ทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธีซึ่งมีความยาวทั้งสิ้น 1,200 เมตร กว้าง 90 เมตร


ซึ่งนับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ของไทยขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2489 มีการจัดขบวนเรือพระราชพิธีอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ 15 ครั้ง ขณะที่พระราชพิธีนี้ได้รับการสืบทอดมานานนับ 300 ปี ส่วนหนังสือพิมพ์ เทเลกราฟ แห่งอังกฤษ รายงานว่า พระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นการรวมตัวของพระประมุขและพระราชวงศ์จากทั่วโลกครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง โดยยุคแห่งยอร์ก เสด็จมาร่วมถวายพระพรชัยมงคลในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ



ต่างชาติหยิบ กระแสพระราชดำรัส เผยแพร่



นสพ.เทเลกราฟ กล่าวแสดงความชื่นชมความอลังการของขบวนเรือพระราชพิธี พร้อมกับหยิบยกเนื้อหาบทเห่เรือบางส่วนขึ้นมากล่าวถึง ซึ่งเป็นบทส่วนที่มีใจความว่า "เมื่อชาวไทยต้องเผชิญหายนะและวิกฤติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงช่วยให้ชาวไทยลุกขึ้นมาใหม่และฟื้นฟูจิตใจให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง" สื่อจีนตีพิมพ์พระราชดำรัส ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานเช่นกันว่า ในงานเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนั้น พระประมุข พระราชวงศ์ ผู้แทนพระองค์จาก 25 ชาติ


เสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมงาน และทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน สำนักข่าวของทางการจีนยังนำพระราชดำรัสตอนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตีพิมพ์ ซึ่งเป็นพระราชดำรัสขอบพระทัยพระราชอาคันตุกะที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ว่า "ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทำนุบำรุงประเทศชาตินั้นมิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคน ที่จะต้องขวนขวายกระทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อธำรงรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง จึงมีภาระหน้าที่เช่นเดียวกันกับคนไทยทั้งมวล จึงขอขอบใจทุกๆ คนที่ต่างพยายามกระทำหน้าที่ของตนด้วยเต็มกำลังความสามารถ"





แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์