เหตุการณ์บ้านทรุดขณะพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมศพทำเอาทั้งพระและญาติโยมเผ่นกระเจิงคิดว่าวิญญาณเฮี้ยนรายนี้ เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ส.ค.
มีชาวบ้านพูดกันปากต่อปากว่าที่บ้านเลขที่ 46/1 บ้านหนองกุงศรี หมู่ 1 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เกิดเหตุบ้านทรุดตัวขณะพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมศพ ทำให้พระสงฆ์และผู้ไปร่วมงานต้องเผ่นหนีกระเจิงคนละทิศละทาง เพราะคิดว่าวิญญาณคนตายเฮี้ยน จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ยกพื้นสูง เสาบ้าน 12 ต้น ลักษณะตัวบ้านทรุดเอียงไปทางทิศตะวันออกประมาณ 45 องศา เสาด้านที่ทรุดจมลงไปในพื้น บริเวณพื้นห้องของบ้านพบโลงศพเป็นโลงติดแอร์ หรือ “โลงเย็น” ตกลงมาจากแท่นรองติดอยู่ที่กลางเสาบ้านในลักษณะเอียงกระเทเร่ โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านหลายสิบคนจับกลุ่มพูดคุยกันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางจันทร์ศรี ภูสวัสดิ์ อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านเล่าถึงเหตุการณ์ระทึกใจว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ส.ค. นางประมวล บุดดา อายุ 60 ปี เจ้าของบ้าน
พร้อมญาติพี่น้องได้รับศพนายสาธิต บุดดา อายุ 61 ปี สามีซึ่งเสียชีวิตจากโรคใหลตายที่ประเทศลิเบีย เมื่อวันที่ 8 ส.ค. จากสนามบินสุวรรณภูมิ มาตั้งสวดบำเพ็ญกุศลที่บ้านเป็นคืนแรก โดยนำศพใส่โลงเย็นของเทศบาลตำบลหนองกุงศรี วางไว้บริเวณห้องโถงชั้นบนของบ้าน นิมนต์พระสงฆ์จากวัดสว่างกุงศรี 10 รูป มาประกอบพิธีทางศาสนาสวดพระอภิธรรมศพ มีญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนบ้านกว่า 40 คน มาร่วมฟังพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ปรากฏว่าขณะที่ญาติจุดธูปเทียนไหว้พระก่อนที่พระสงฆ์จะเริ่มสวด เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีเสียงดังคล้ายฝนตกและลูกเห็บถล่มลงบนหลังคาบ้าน ทั้งที่ไม่มีฝนตกแต่อย่างใด ทำเอาทุกคนถึงกับขนลุกซู่ได้แต่มองตากัน แล้วจู่ๆตัวบ้านสั่นคลอนก่อนจะทรุดเอียงไปทางทิศตะวันออกประมาณ 45 องศา ทำให้โลงศพขนาดใหญ่ตกจากแท่นรองไหลไปทางพระนั่ง โชคดีโลงศพติดอยู่กับเสากลางบ้านเสียก่อน
นางจันทร์ศรีเปิดเผยอีกว่า เมื่อพระสงฆ์และญาติโยมเห็นเช่นนั้นต่างตกใจคิดว่าผีคนตายเฮี้ยนพากันเผ่นหนีออกจากบ้าน
โดยแย่งกันเบียดเสียดออกทางประตูที่คับแคบชนิดตัวใครตัวมัน พระสงฆ์บางรูปอ้วนติดอยู่ที่ประตูกว่าจะหลุดออกมาได้เป็นไปอย่างทุลักทุเล ระหว่างนั้นมีเสียงชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนบอกเจ้าภาพให้นิมนต์พระสงฆ์อยู่สวดพระอภิธรรมศพก่อน ปรากฏว่ามีเสียงพระสงฆ์รูปหนึ่งตะโกนตอบกลับมาว่า “พระก็คนไม่ใช่พระอิฐพระปูนก็ต้องหนีเหมือนกันแหละโยม” หลังจากที่ทุกคนเผ่นหนีออกมาจากบ้านแล้วมายืนจับกลุ่มรวมกันที่บริเวณหน้าบ้าน เมื่อเห็นว่าทุกคนปลอดภัยเจ้าภาพจึงนิมนต์พระสงฆ์ให้สวดพระอภิธรรมต่อ โดยจัดเก้าอี้มาให้นั่งหน้าบ้านและโยงสายสิญจน์จากโลงศพบนบ้านลงมา ตอนแรกพระสงฆ์ไม่ยอมสวด แต่เมื่อทนเสียงรบเร้าจากเจ้าภาพไม่ไหวจึงยอมสวดแค่มาติกาเพียงสั้นๆก่อนจะรีบกลับวัดไป
นางประมวล บุดดา อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า บ้านหลังเกิดเหตุปลูกสร้างมานานกว่า 30 ปี แล้ว เสาบ้านเป็นไม้เนื้อแข็ง ฝังลึกลงไปในดินประมาณ 50 ซม.
ในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะปลูกสร้างลักษณะเดียวกันหมด แต่ไม่มีบ้านหลังไหนทรุด สามีอดีตเคยเป็นทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 2 ยศ “จ.ส.อ.” เคยไปร่วมรบสงครามเวียดนาม หลังลาออกจากราชการไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เก่งภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ ก่อนหน้านี้เดินทางไปทำงานช่วยแปลภาษาให้กับคนงานไทยที่ลิเบีย กระทั่งเสียชีวิตจึงนำศพกลับประเทศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนเชื่อว่าศพเฮี้ยนเพราะใหลตาย แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่เชื่อ สำหรับศพจะทำพิธีเผาที่วัดสว่างกุงศรีในช่วงบ่ายวันที่ 24 ส.ค.นี้