พสกนิกรเรือนแสนถวายพระพร บันทึกความยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

แนวหน้า

ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าของวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 บริเวณโดยรอบพระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า และถนนใกล้เคียงวันนี้ช่างแตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา เหตุลานพระบรมรูปทรงม้า คราคร่ำไปด้วยคลื่นมหาชนนับแสนชีวิตที่พากันมาจากทุกสารทิศ ภาพวัยรุ่นหนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่ อุ้มลูกจูงหลาน ทุกคนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง คนเหล่านี้ต่างมีจุดประสงค์หนึ่งเดียวกันคือ.....

"เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายความจงรักภักดี และชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

วันที่ 9 มิถุนายน 2549 นับเป็น "มหามงคลสมัยพิเศษยิ่ง" รัฐบาลได้กำหนดให้จัดงาน "พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี" เนื่องในศุภวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 60 ปี มีการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ

แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าขณะนี้ได้เริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ร้อนมากขึ้น และร้อนมากขึ้น ราวจะแข่งกับคลื่นมหาชนที่ทยอยเข้ามายังลานพระบรมรูปทรงม้าอย่างไม่ขาดสายที่ขณะนี้แทบไม่มีที่ว่างให้เดินไปทางใด

ความร้อนกายภายนอกมิอาจสู้ความเย็นภายในใจที่เต็มเปี่ยมไปความภักดีอันบริสุทธิ์ คลื่นมหาชนที่มารอชมพระบารมีมิได้ถอยหนีไปไหน บ้างหากระดาษมาปูนั่งบนพื้นถนน บ้างหลบความร้อนใต้เงาร่มไม้ บ้างยืนตากแดดเพราะไม่มีที่หลบ บ้างจับกลุ่มสนทนาถึงเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อพสกนิกร

"ดีใจที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานขอเทิดทูนเป็นมิ่งขวัญ"เป็นเสียงเอ่ยของหนุ่มใหญ่วัย 38 ปี ขาพิการ 2 ข้างนาม "จักรี วงศ์บุญ" อาจารย์โรงเรียนอาชีวศึกษามหาไถ่ พัทยา ซึ่ง เป็นโรงเรียน สำหรับคนพิการทางร่างกาย

อาจารย์จักรีบอกว่า วันนี้พานักเรียนซึ่งทุกคนมีความพิการมาชื่นชมพระบารมีกว่า 90 คนออกจากพัทยาตี 5 ถึงถนนราชดำเนินนอกตอน 07.00 น. และขอให้พระองค์อยู่คู่ประเทศไทยให้ยาวนานขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนานเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ของพสกนิกรไปตราบนานเท่านาน

"ที่ผ่านมา พระองค์ท่านเหนื่อยมามากแล้ว ไม่อยากให้พระองค์มีเรื่องวุ่นวายพระราชหฤทัย ประเทศไทยหากไม่มีในหลวงคงแย่ ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตพระองค์ท่านจะชี้ทางออกให้เสมอ สำหรับคนพิการอย่างผมตั้งใจจะประกอบอาชีพที่สุจริตและทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีเพื่อถวายแก่พระองค์ท่าน"

เช่นเดียวกับ "วีซีด สายนุ้ย" วัย 20 ปี เด็กหนุ่มแขนซ้ายพิการ จากโรงเรียนอาชีวศึกษามหาไถ่ บอกว่า "ภูมิใจที่ประเทศไทยมีในหลวง ไม่มีประเทศใดในโลกแล้วที่จะมีพระบารมีได้เหมือนประเทศไทย ผมภูมิใจมากครับที่ได้เกิดเป็นคนไทยขอถวายพระพร ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน วันนี้แม้เข้าไปไม่ถึงลานพระบรมรูปทรงม้าแต่ก็ดีใจที่ได้มา"

ความรู้สึกของเด็กหนุ่มแขนซ้ายพิการรายนี้มิได้แตกต่างจากความรู้สึกประชาชนเรือนแสนที่เข้าไปไม่ถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ทุกคนต่างจับจ้องจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ 8 จอ ที่กระจายในพื้นที่ 8 จุด เพื่อชื่นชมพระบารมี

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจตรารักษาความปลอดภัยในจุดต่างๆ เต็นท์พยาบาลเต็มไปด้วยผู้เป็นลมแดดเป็นระยะๆ ขณะที่ห้องน้ำในทำเนียบรัฐบาล ประตู 5 ฝั่งถนนราชดำเนินมีประชาชนมาใช้บริการต่อคิวยาวเหยียดจนเต็ม

อีกมุมหนึ่งบนถนนราชดำเนิน "ธนภัทร มีสา"ดีเจหนุ่มวัย 29 ปี ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ได้บอกว่านับเป็นครั้งแรกที่มาชื่นชมพระบารมีเพราะที่ผ่านมาได้เห็นพระองค์ท่านแต่ในโทรทัศน์

ดีเจหนุ่ม บอกให้ฟังว่า "ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้เรื่องทุกข์ร้อนของพระองค์มลายหายไปโดยไวคนไทยโชคดีที่สุดในโลก ถึงแม้จะยากจนปานใดก็โชคดีที่สุดในโลก ภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย รักชาติไทย รักในหลวงของไทย พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาเมตตาประชาชน เป็นบุญของปวงชนชาวไทยขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"

อีกมุมหนึ่งหน้ากระทรวงศึกษาธิการ นางธนิต สว่างศรี อายุ 47 ปี ชาวกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ที่เดินทางมาชื่นชมพระบารมีตั้งแต่ตี 5 บอกว่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อพสกนิกรของพระองค์ พระองค์ท่านรักพสกนิกรด้วยความรักอย่างจริงใจ ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายในขณะที่ทรงงาน คงไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลกนี้ที่จะทุ่มเทและทรงงานเพื่อประชาชนของพระองค์ได้เท่าพระมหากษัตริย์พระองค์นี้

ทุกครั้งที่ได้ดูข่าวพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านที่เสด็จทรงงานไปทุกๆ แห่งของพื้นแผ่นดินไทยพร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้าและพระบรมวงศานุวงศ์ จะรู้สึกกับตัวเองว่าเป็นบุญของตัวเราที่ได้เกิดมาบนพื้นแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงรักห่วงใยประชาชนขนาดนี้ เราในฐานะประชาชนอย่าทำอะไรที่จะทำให้เสียพระทัยเลย

ปิดท้ายที่ ด.ญ.กมลเกสร รวบทองศรี หรือ "น้องจ๋อมแจ๋ม" หนูน้อยอายุ 9 ขวบ ที่วันนี้เกือบหาเสื้อสีเหลืองมาใส่ไม่ได้และยอมตากแดดมากับคุณย่าบอกว่า "รักในหลวงมากขอให้พระองค์อยู่คู่ประเทศไทยให้ยาวนานขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน"

ครั้นเมื่อถึงเวลาที่คลื่นมหาชนรอคอย ภายหลังพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหา กษัตริยาธิราชเจ้า ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ และตำรวจถวายความเคารพ และยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด พระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรเจริญชัยมงคลคาถา ประกอบพิธีกรรมของศาสนาอื่นๆ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ถวายพระชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ หลังจากนั้นนายรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคมมีพระราชดำรัสตอบผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กระทั่งเสร็จสิ้นพิธีการคลื่นมหาชนพร้อมใจกันโบกธงสีเหลืองพร้อมเปล่งเสียงตะโกนกึกก้อง "ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" นานนับสิบนาทีราวกับแผ่นดินแห่งนี้จะสั่นสะเทือน

น้ำตาแห่งความปีติค่อยๆ เอ่อล้นออกมาไหลอาบสองแก้ม ความรู้สึกจากเบื้องลึกถูกกลั่นออกมาจากหัวใจด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกาย เพื่อแผ่นดินไทยมานานแสนนาน...นานแสนนานที่ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์แก่พสกนิกรอย่างแท้จริง แม้หนทางนั้นจะลำบาก ทุรกันดาร หรือมีภัยตราย พระองค์ก็มิทรงย่อท้อ เสียงเปล่งตะโกน "ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน" ยังคงกึกก้อง.....นับเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ซาบซึ้งตรึงใจเป็นที่สุด

SCOOP_NAEWNA@LYCOS.COM

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์