เมืองไทยดังทั่วโลก สื่อนอกทึ่ง ! รุมทำข่าว
การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่มีทั้งงานพระราชพิธี รัฐพิธี และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาครัฐและเอกชนพร้อมใจกันจัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี มาตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ได้ดำเนินมาถึงวันแห่งประวัติศาสตร์ของพสกนิกรชาวไทย
ชาวไทยซิกข์สวดถวายพระพร
โดยเมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (8 มิ.ย.) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซิกข์ ณ คุรุดวาราซิกข์ กรุงเทพมหานคร เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี โดยมีการสวดพระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิกทั้งฉบับจำนวน 1,430 หน้า จากปกติที่แต่ละวันจะมีการอ่านเพียงบางหน้า เพื่อถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีศาสนาจารย์ผลัดกันอ่านทุก 2 ชั่วโมง ไม่หยุดเป็นเวลารวม 48 ชั่วโมง เริ่มมาตั้งแต่เวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. และจะสิ้นสุดในเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. และในช่วงบ่ายวันที่ 9 มิ.ย. ชาวไทยเชื้อสายซิกข์ จะเริ่มเดินริ้วขบวนงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่ท้องสนามหลวง และวันที่ 11 มิ.ย. จะร่วมบริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทย
สื่อนอกทึ่งแห่ทำข่าวงานในหลวง
จากนั้นในเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนต่างประเทศที่เดินทางมาทำข่าวพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ว่า จนถึงขณะนี้มีสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่ลงทะเบียนเข้าร่วมทำข่าวงานพระราชพิธีครั้งนี้ประมาณ 2,000 คน แต่สื่อมวลชนที่มาพบในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้สื่อข่าวจากนิตยสารที่เขียนบทความในนิตยสารที่สำคัญๆ ในประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบางประเทศไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ยังเดินทางมาร่วมทำข่าวด้วย ทั้งนี้ทางรัฐบาลได้จัดให้สื่อมวลชนเหล่านี้เข้าไปทำข่าวในพระที่นั่งอนันตสมาคม และพระราชพิธีในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ด้วย
ซึ่งตนได้เล่าให้สื่อมวลชนจากต่างประเทศฟังถึงความเป็นมาในการจัดงานดังกล่าว และเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของประเทศเพื่อแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เวลานี้ไปไหนจะเห็นคนใส่เสื้อเหลืองกัน ทั้งที่ไม่มีใครบังคับให้ใส่ แต่ทุกคนอยากใส่เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งบรรดาสื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจ โดยเฉพาะความรักของประชาชนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน