นิวยอร์กไทมส์รายงานวันที่ 26 ก.ค. ว่า รัฐแคลิฟอร์เนียแจ้งเกิดกฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ที่ก่อคอเลสเตอรอลเป็นภัยต่อสุขภาพ
ในการทำอาหารตามภัตตาคารและสินค้าขนมปังขายปลีกทุกชนิดเป็นมลรัฐแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อผู้ว่าคนเหล็ก อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ลงนามในกฎหมายของรัฐไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กฎหมายจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการสำหรับภัตตาคารในปี 2553 และสำหรับสินค้าขนมปังขายปลีกในปี 2554 ห้ามใช้น้ำมัน มาร์การีน และสิ่งที่มีไขมันทรานส์ ปรุงอาหารหรืออบขนมปัง ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับตั้งแต่ 25 ถึง 10,000 ดอลลาร์
โดยก่อนหน้านี้มีนครนิวยอร์ก เมืองฟิลาเดลเฟีย สแตมฟอร์ด มอนโกเมอรี ใช้กฎหมายแบบนี้มาแล้ว แต่แคลิฟอร์เนียถือเป็นรัฐแห่งแรกที่มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคนี้ออกมา
"แคลิฟอร์เนียเป็นผู้นำการรณรงค์สุขภาพและโภชนาการ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อแนวทางนี้ ในการเป็นรัฐแห่งแรกของประเทศที่ห้ามใช้ไขมันทรานส์" ผู้ว่าอาร์โนลด์ กล่าว
นักโภชนาระบุว่าไขมันทรานส์ (Trans fat) เข้าไปเพิ่มระดับ LDL คอเลสเตอรอลชนิดเลวในเลือด เช่นเดียวกับการบริโภคไขมันอิ่มตัว (ไขมันจากสัตว์และน้ำมันปาล์ม)
ทั้งยังลดระดับ HDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือดอีกด้วย ไขมันทรานส์เป็นไขมันพืชที่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า ไฮโดรจีเนชั่น เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เพราะเก็บได้นาน ไม่เสียง่าย ไม่มีกลิ่นหืน มีรสชาติถูกปาก แถมราคายังไม่แพง พบมากในอาหารทอดๆ รวมทั้ง อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมเบเกอรี่ เช่น คุกกี้ ขนมปัง ที่มีส่วนผสมของเนยขาว และมาการีน รวมไปถึงพวกขนมสำเร็จรูปกรุบกรอบต่างๆ แต่การรับประทานอาหารที่มีไขมันทรานส์ติดต่อกันเป็นเวลานานยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด