เมื่อ 17 ก.ค. บีบีซีรายงานว่า อาคารตลาดหลักทรัพย์นครการาจี ประเทศปากีสถาน กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมๆ
เมื่อกลุ่มนักเล่นหุ้นหัวเสียฮือบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินในตัวอาคาร และจุดไฟยางรถยนต์ประท้วงอยู่ด้านนอก เพราะไม่พอใจที่ราคาหุ้นร่วงกราวรูดไม่หยุด 2 สัปดาห์รวด กลุ่มนักลงทุนและนักเล่นหุ้นรายย่อยหลายร้อยคนเริ่มชุมนุมประท้วงหน้าตลาดหลักทรัพย์การาจี หรือ "เคเอสอี" เพื่อเรียกร้องให้ปิดการซื้อขายชั่วคราว จากนั้นมีบางคนนำยางรถยนต์และสิ่งของต่างๆ มาจุดไฟเผาตรงหน้าทางเข้า ต่อมาเหตุการณ์จึงบานปลายเมื่อผู้ชุมนุมเฮโลแห่พังประตูเข้าไปด้านใน ลงมือทำลายทรัพย์สินพังพินาศ
สาเหตุการประท้วงเพราะนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ก.ค. จนถึงวันพฤหัสบดี 17 ก.ค. มูลค่าการซื้อขายในตลาดเคเอสอีลดฮวบลงไปถึง 14 เปอร์เซ็นต์
ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ส่งผลให้นักเล่นหุ้นกระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่ทุบตลาดหุ้นทรุดหนักเป็นเพราะตัวเลขหนี้สินในกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับปัญหาวิกฤตภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจปากีสถาน
"ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลผสมกับพันธมิตรทางการเมือง และการที่รัฐบาลสหรัฐกดดันให้รัฐบาลปากีสถานเร่งปราบปรามกองกำลังกลุ่มก่อการร้ายก็ยังเป็นปัจจัยบีบให้ตลาดหุ้นซบเซาอีกด้วย" นักวิเคราะห์ ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า เฉพาะวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. มูลค่าหุ้นในตลาดเคเอสอีร่วงทะลุ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือ 433.51 จุด อยู่ที่ 10,058.31 จุด
ส่วนค่าเงินรูปีร่วงลงอีก 1.3 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนถึงภาวะขาลงทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ทำให้นักเล่นหุ้นในนครการาจีเรียกร้องให้ตลาดเคเอสอีปิดทำการชั่วคราวเพื่อลดความเสียหาย เมื่อผู้บริหารเคเอสอีปฏิเสธ นักเล่นหุ้นกลุ่มนี้จึงรวมตัวกันมาก่อม็อบและบุกพังตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว วันเดียวกัน ที่เมืองใหญ่ๆ แห่งอื่นในปากีสถาน เช่น กรุงอิสลามาบัดและเมืองละฮอร์ มีข่าวว่านักเล่นหุ้นกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันชุมนุมประท้วงและจุดไฟเผายางรถยนต์ใกล้ๆ กับที่ตั้งตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน