ศาลออกหมายจับพร้อมริบเงินประกัน
ม.ล.ไกรฤกษ์และองค์คณะ มีคำสั่งรายงานกระบวนพิจารณาว่า
ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ ทนายจำเลยทราบนัดแล้ว จำเลยไม่มาศาล สอบถามทนายจำเลยก็แถลงว่า ได้ติดต่อจำเลยเมื่อ 3 วันก่อน จำเลยยืนยันจะมาศาล แต่วันนี้ได้โทรศัพท์แล้วก็ยังติดต่อไม่ได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทราบนัดโดยชอบ แต่ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุอันควร เชื่อว่าจำเลยจงใจไม่มาศาล ให้ออกหมายจับ ปรับนายประกันเต็มตามสัญญาประกัน ให้แจ้งอัยการทราบ และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 18 ส.ค. 51 เวลา 14.00 น.
นายไพบูลย์กล่าวว่า
โทรศัพท์ตามตัวนายวัฒนาเมื่อ 2-3 วันก่อน ตกลงจะพบกันที่ศาลฎีกา แต่พอมาวันนี้ก็ติดต่อกันไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องแถลงศาลไปตามความนั้น ตอนนี้ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการ จะพยายามติดต่อนายวัฒนาต่อไปเพื่อมาฟังคำพิพากษา ส่วนเงินประกัน 2 ล้านบาท จำไม่ได้แน่ชัดว่าใครเป็นนายประกัน ส่วนจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นๆ เช่น คดีบุกรุกป่ากะปงหรือไม่ ไม่ขอให้ความเห็น
ตำรวจพร้อมจับกุมเพื่อนำตัวส่งศาล
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวว่า
ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง เรื่องหมายจับของนายวัฒนา อัศวเหม ประธาน ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อได้รับคำสั่งจากศาลอาญาจะมีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.2 ที่รับผิดชอบพื้นที่ บช.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมดูแลคดีดังกล่าว และคิดว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ เมื่อศาลมีหมายจับบุคคลใดออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่รับผิดชอบมีหน้าที่ต้องสืบสวนจับกุม เพื่อนำตัวส่งให้ศาลดำเนินคดี
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช.สตม. กล่าวว่า
ยังไม่ได้ตรวจสอบว่านายวัฒนายังอยู่ในประเทศไทย หรือมีการเดินทางออกไปนอกประเทศหรือไม่ เมื่อศาลมีคำสั่งอนุมัติหมายจับออกมา ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการส่งหมายจับมาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะได้ประกาศแจ้งเตือนไปทุกด่านทั่วประเทศว่า บุคคลนี้มีหมายจับของศาล และเป็นบุคคลที่อยู่ในบัญชีเฝ้าดูของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากปรากฏตัวที่ด่าน ตม.ที่ใด ให้จับกุมตัวเพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองทันที
“มั่น” เผยเหตุที่ “วัฒนา” ไม่ไปศาล
นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า
การที่นายวัฒนาไม่เสี่ยงที่จะไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะชี้แจงหลายครั้งแล้วไม่มีใครไม่เชื่อ ประกอบอายุก็มากแล้ว ปัจจุบันอายุ 75 ปี มีโรคประจำตัวอีกด้วย เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องรับฟังคำพิพากษาของศาลที่ถือเป็นที่สิ้นสุดนั้น เป็นใครใครก็กลัวเพราะเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาก็กลัวติดคุกกันทั้งหมดโดยเฉพาะการติดคุกตอนแก่ เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง นายวัฒนาก็เลยต้องหนีไป ได้คุยกับคุณวัฒนาเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางไปพม่า นายวัฒนาก็ยืนยันมาตลอดและเหมือนเดิมทุกครั้งว่าไม่ได้ทำผิดและไม่กล้าเสี่ยงที่จะมา เพราะไม่เชื่อว่าคำชี้แจงและคำยืนยันของท่านจะมีคนเชื่อ เพราะเรื่องการซื้อที่ดินดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี ขายให้คนไปทำสนามกอล์ฟแล้ว ถึงจะมีการออกโฉนดที่ดินภายหลัง
น่าจะมาฟังคำพิพากษา 18 ส.ค.นี้
“พวกเราเชื่อในสิ่งที่คุณวัฒนาพูด แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ เพราะผมรู้จักกันมานานกว่า 30 ปี เป็นมากกว่านอมินี เพราะเป็นทั้งน้องชายเป็นเพื่อนคู่คิดมาตลอด คุณวัฒนาบอกผมว่าเรื่องนี้เป็นวิบากกรรมของชีวิต ใครไม่เจอก็จะไม่มีวันรู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เกิดมา 15 ปีแล้ว และนายวัฒนาไม่เสี่ยงที่จะไปรับฟังคำพิพากษา” นายมั่นกล่าวและว่า โดยส่วนตัวทั้งรัก เห็นใจ และเข้าใจนายวัฒนา เพราะเคยต้องไปฟังคำตัดสินของศาลคดีหนึ่ง ทั้งๆที่ทนายก็ยืนยันให้แล้ว แต่ใจก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม ก็เพราะเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาก็กลัวติดคุกกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามก็ขอให้คุณวัฒนารักษาสุขภาพให้ดี และเชื่อว่านายวัฒนาน่าจะมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกิดขึ้นก็คงเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักการเมืองรุ่นหลังๆเหมือนกัน การเป็นนักการเมืองต้องคิดให้รอบคอบ ทำในสิ่งที่ถูกต้องและต้องกล้าตัดสินใจในเรื่องที่ถูกต้อง
“เด็กวัฒนา” ปัดข่าวเจ้านายหนีไป ตปท.
นายปาน พึ่งสุจริต รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน คน สนิทของนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน
กล่าวภายหลังที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ออกหมายจับนายวัฒนาทั่วประเทศ หลังจากที่ไม่ยอมเดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีคลองด่านว่า ระยะหลังไม่ได้ติดต่อกับนายวัฒนาเลย เพราะตั้งแต่มาเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ก็ทำงานเลิก 22.00 น.เกือบทุกวัน จึงไม่ทราบจริงๆว่าขณะนี้นายวัฒนาอยู่ที่ไหน ส่วนกระแสข่าวเรื่องที่นายวัฒนาได้หนีออกไปอยู่ต่างประเทศแล้วนั้น ข่าวนี้ไม่ทราบข้อเท็จจริงและคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้