เกยตื้น-เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายทะเลและป่าชายเลนฯ พร้อมนักท่องเที่ยวช่วยกันกู้ชีวิตวาฬ หลังเกยตื้นกว่า 40 ตัว ที่บริเวณเกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พบล่าสุดตายแล้ว 1 ตัว เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 มิ.ย.
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายทะเลและป่าชายเลน ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบนเกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า มีวาฬมาเกยตื้นบริเวณชายหาดเกาะราชาจำนวน 20-30 ตัว หลังได้รับแจ้ง นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ได้ส่งสัตวแพทย์และนักวิชาการลงไปในพื้นที่กู้ชีวิตทันที
นายวรรณเกียรติกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าวาฬดังกล่าว เป็นวาฬเพชฌฆาตเทียม ปกติจะอาศัยอยู่บริเวณน้ำลึก
การเข้ามาเกยตื้นในครั้งนี้เนื่องจากตัวนำฝูงอาจจะนำทางผิดพลาด เพราะในทะเลมีคลื่นลมแรง เมื่อเข้ามาในอ่าวที่เป็นช่องแคบทำให้ไม่สามารถกลับตัวได้ ด้วยมีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่ ทั้งยังมีความยาวตัวละประมาณ 3-4 เมตร "การเข้ามาของฝูงวาฬเพชฌฆาตเทียมเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องปกติเพราะด้านนอกคลื่นลมแรง สัตว์ชนิดนี้จะมีสัญชาตญาณสูง จึงได้พากันหาที่หลบคลื่นลม ที่ผ่านมาก็เคยเจอแต่ไม่มากถึงขนาดนี้ เท่าที่เจ้าหน้าที่ประเมินน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 ตัว แต่เหตุที่ชาวบ้านเห็นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนหนึ่งจะมีการว่ายน้ำอยู่หน้าอ่าวด้วย" นายวรรณเกียรติระบุ
นายวรรณเกียรติกล่าวว่า หลังจากเดินทางไปถึงที่เกาะดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ปรากฏว่าชาวบ้านได้ช่วยเหลือผลักดันวาฬบางตัวจนออกไปในทะเลได้แล้ว
และได้เคลื่อนย้ายวาฬ 6 ตัว ไปยังอ่าวฝั่งตรงข้ามที่มีคลื่นลมสงบ จากการตรวจสอบสภาพร่างกายมี 1-2 ตัวที่มีอาการบาดเจ็บจากการที่ถูกกระแทก แต่ไม่พบอาการเจ็บป่วย จึงทำให้เชื่อได้ว่าวาฬเหล่านี้ต้องการเข้ามาหลบคลื่นลมแรง ล่าสุดเบื้องต้นตายแล้ว 1 ตัว พร้อมยืนยันว่า การเข้ามาของวาฬฝูงนี้ไม่ได้เป็นสัญญาณว่าจะเกิดเหตุร้ายแต่อย่างใด เพราะจากการตรวจสอบไม่พบอาการเจ็บป่วย มีเพียงอาการบาดเจ็บ เนื่องมาจากช่วงนี้คลื่นลมแรง จนทำให้ต้องหาที่หลบเพราะไม่สามารถประคองตัวอยู่ได้
ขณะที่ นายดนัย ภู่เจริญ ผู้บริหารโรงแรมเดอะราชา ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะราชา เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมามีพนักงานแจ้งว่าเห็นปลาขนาดใหญ่ประมาณ 20-30 ตัว มาเกยตื้นบริเวณหน้าหาด
จึงได้ร่วมกับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านช่วยกันดันลงน้ำ แต่ปรากฏว่าไม่ยอมไป และกลับขึ้นมาอีก จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ กระทั่งได้เข้ามาช่วยเหลือย้ายไปยังอ่าวอีกด้าน ซึ่งคลื่นลมค่อนข้างสงบ นายดนัยกล่าวด้วยว่า จากที่สอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นวาฬชนิดหนึ่ง ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งสาเหตุคิดว่าน่าจะมาจากคลื่นลมแรง และต้องการมาหาที่หลบคลื่นลมมากกว่า