เดิมที ตั้งใจจะเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีโอกาสเนื่องจากบ้านมีฐานะยากจน ตอนนี้มีความเป็นอยู่ดีแล้วลูกทั้ง 4 คน ก็มีงานทำหมดแล้ว จึงอยากจะเรียนเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ เพราะจะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการติดต่อส่วนราชการ หรือธนาคาร
ชาวบ้านหมู่บ้านดงป่าเมี้ยง หมู่ที่ 10 ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้จะมีอายุมากถึง 72 ปี แต่ก็ยังไม่ละความพยายามขวนขวายหาความรู้ให้กับตัวเอง เพราะถือเป็นรากฐานสำคัญของการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน
ยามเช้าของทุกวัน ยายแสงจะแต่งตัวด้วยชุดภูมิฐานของผู้สูงวัยมาเรียนหนังสือร่วมกับนักเรียนคนอื่นๆ รวม 17 คน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนบ้านดงป่า เหมี้ยง
ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน ยายแสงเล่าว่า เดิมที ตั้งใจจะเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีโอกาสเนื่องจากบ้านมีฐานะยากจน ตอนนี้มีความเป็นอยู่ดีแล้วลูกทั้ง 4 คน ก็มีงานทำหมดแล้ว จึงอยากจะเรียนเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ เพราะจะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการติดต่อส่วนราชการ หรือธนาคาร
"ที่ผ่านมาชีวิตยายลำบากมาก เป็นคนต้อยต่ำด้านความรู้ ไม่รู้จักหนังสือสักตัว ถูกดูถูกและต่อว่าจากหน่วยงานทุกที่ ว่าไม่รู้จักเขียนหนังสือให้เป็นบ้าง ตอนนี้ได้เรียนหนังสือก็รู้สึกดีใจเพราะสามารถอ่านและเขียนชื่อตัวเองได้เองแล้ว โดยไม่ต้องปั๊มลายนิ้วมือเหมือนเมื่อก่อน"
แม้จะเข้าสู่วัยชรา แต่ความตั้งใจเรียนของยายแสงนั้น ครูประจำชั้นถึงกับเอ่ยปากชมว่า มีมากทีเดียว
ซึ่งเรื่องนี้ น.ส.วิภารัตน์ ชุ่มมะโน อายุ 37 ปี ครูประจำชั้น บอกว่ายายแสงเป็นคนมีความตั้งใจเรียนสูง จะซักถามข้อสงสัยตลอดเวลา เวลาว่างก็จะให้สอนอ่านเขียนเป็นประจำ สามารถเข้ากับเพื่อนชั้นเรียนได้ เด็กนักเรียนก็ให้ความเคารพนับถือ เป็นมิตรกับทุกคน ซึ่งพยายามมาเรียนทุกวันยกเว้นวันไหนร่างกายไม่ไหวจริงก็จะหยุด ซึ่งวิธีการสอนนั้นก็จะสอนเป็นพิเศษ เพราะยายแสงเองก็จะเลือกเรียนภาษาไทยเท่านั้น เพราะรู้ภาษาและตัว เลขบางส่วนเท่านั้น ส่วนวิชาอื่นๆ นั้นยังไม่ได้
ส่วน นายพิสิษฐ์ อาษา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดงป่าเมี้ยง บอกว่า เมื่อยายแสงได้มาขอเรียนหนังสือ รู้สึกตกใจ
แต่เห็นมีความตั้งใจเพื่อให้อ่านออกเขียนได้จึงเปิดโอกาสให้เรียน ซึ่งได้เข้ามาเรียนแล้วประมาณ 4 เดือน ตั้งแต่ปลายภาคชั้นเรียนของปีที่ 1 มาครั้งแรกไม่รู้จักหนังสือแม้แต่ตัวเดียว จนทุกวันนี้อ่านออกเขียนได้แล้ว สามารถเขียนชื่อตัวเองในการเบิกถอนเงินจากธนาคาร จนเจ้าหน้าที่ของธนาคารแปลกใจกันเป็นแถว
"การเรียนของยายแสงเป็นการเรียนลักษณะเรียนเสริมเพื่อให้ได้ความรู้ ไม่ได้สมัครเรียน จึงจะไม่ได้วุฒิการศึกษาเหมือนเพื่อนร่วมชั้น แต่หากยายแสงมีความตั้งใจจริงเรียนจนจบการศึกษา ทางโรงเรียนจะหารือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อขอใบรับรองการเรียนหรือใบประกาศเกียรติคุณให้ในอนาคตต่อไป"
แม้วันนี้ยายแสงจะมีอายุมากทำให้มีโรคประจำตัวหลายอย่าง เช่นโรคหัวใจหรือโรคความดัน ซึ่งต้องพกยามาเรียนด้วยหลายขนาน และต้องเรียนหนังสือร่วมชั้นเรียนกับเด็กรุ่นหลานและเหลน ที่มีอายุเพียง 9-10 ขวบ แต่ยายแสงก็ไม่ย่อท้อที่เรียนและยังมีความตั้งใจเรียนกว่าเด็กนักเรียนรุ่นใหม่
นักเรียนทั้งหลายน่าเอาเป็นแบบอย่าง
ที่มา หน้า 25 หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551