มติชน
ในยุคโลกาภิวัตน์ที่โลกกำลังเจริญรุดหน้าด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย หลายคนหลงใหลได้ปลื้มในวัตถุ และหลงลืมความเจริญทางด้านจิตใจ
จนกระทั่งวัฒนธรรมวัตถุนิยม ได้ย้อนกลับมาก่อพิษแก่สังคม โดยเห็นได้จากสภาพบ้านเมืองที่วุ่นวาย เหตุการณ์ต่างๆ ก่อให้เกิดความหวาดหวั่นในการดำเนินชีวิตขึ้น ผู้คนในสังคมจึงพยายามหาวิถีทางแก้ไขปัญหาหรือทางออกให้ตนเอง
การดิ้นรนหาวิธีให้ตัวเองพ้นทุกข์ได้ส่งผลกระทบไปยังหลายแวดวง ไม่ว่าจะเป็นวงเศรษฐกิจ ที่อัตราการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชะลอตัวลง เพื่อเก็บเงินไว้เผื่อยามฉุกเฉิน หรือวงการเพลง ที่มีการแต่งเพลงเพื่อปลุกปลอบและให้กำลังใจแก่ผู้ที่สิ้นหวัง หรือแม้แต่กระแสนิยมในแวดวงวรรณกรรม
ความหวั่นไหวของผู้คนในสังคม ได้ก่อให้เกิดความนิยมในหนังสือบางประเภทขึ้น ส่วนใหญ่มักเป็นประเภทที่เมื่ออ่านแล้วจะช่วยปลอบใจให้คลายกังวลและชี้ให้เห็นหนทางคลายทุกข์
โดยในครึ่งปีหลังต่อจากนี้นั้น ถือได้ว่ามาแรงในตลาดหนังสือทีเดียว ยืนยันได้จากผู้บริหารของหลายสำนักพิมพ์ใหญ่
ลัดดา พงษ์พิชญ์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิร์ล พับลิชชิ่ง จำกัด มองว่า ตลาดช่วงครึ่งปีหลังนี้นั้น นอกจากแนวบันเทิง อย่างนิยายกำลังภายในแฟนตาซี หรือนิยายแปลแนวสืบสวนสอบสวน ที่มาแรงอย่างไม่มีตกแล้วนั้น แนวหนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญาณ บาปบุญคุณโทษ ชาตินี้ชาติหน้า ก็ถือว่าน่าจับตามองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
"มองว่าที่แนวนี้มาแรงนั้น น่าจะเป็นเพราะคนในสังคมตอนนี้ ต้องการคำตอบให้ปัญหาเฉพาะตัวที่เกิดขึ้นในชีวิต และต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หนังสือกลุ่มนี้จะให้คำตอบหรือข้อคิดแก่ใครหลายคนได้"
ด้านศิริวรรณ นิลสุวรรณโฆษิต กองบรรณาธิการเนชั่น พับลิชชิ่ง มั่นใจว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจ และสังคมที่ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีหลัง ผู้ผลิตจะผลิตหนังสือไม่ค่อยมากนัก เพราะทุกฝ่ายจะต้องรอดูสถานการณ์ของบ้านเมือง
อย่างไรก็ตามแต่คาดว่าแนวความนิยมไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก หนังสือแนวไลฟ์สไตล์แบบผู้หญิงน่าจะยังคงครองตลาดอยู่ ทั้งพวก Chic lit และสืบสวนสอบสวนสนุกสนาน แต่จะมีอีกแนวที่มาแรง คือแนวแสดงให้เห็นที่มาที่ไปของบาป-กรรม และชี้ช่องทางให้พ้นกรรม
"ทุกคนอยากมีความสงบสุขและที่พึ่งทางใจ ต้องการหาทางออกให้กับปัญหาในชีวิต คิดว่าหนังสือประเภทนี้จะช่วยคนอ่านได้ในเรื่องของความรู้สึก ให้เกิดความคิดและสติปัญญาเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาขึ้นได้"
ซึ่งเล่มที่นิยมอ่านนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกผ่านแบบปากต่อปาก
"เล่มไหนคิดว่าดี อ่านแล้วสบายใจก็บอกเพื่อนพ้องกัน"
ในขณะที่อาทร เตชะธาดา กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ มองว่า นอกจากหนังสือแนวอาเซียนที่จะอยู่ในเทรนด์ในช่วงครึ่งปีหลังแล้ว แนวธรรมะก็น่าจะมาแรงเช่นกัน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหา
"เศรษฐกิจปีนี้ค่อนข้างแย่ กำลังซื้อหดหาย สิ่งที่ตามมาตอนนี้คือโรคซึมเศร้า หลายคนรู้สึกเครียดและอยากถอยออกจากสังคม ดังนั้นเลยคาดว่า กระแสหนังสือที่น่าจะมาแรงในช่วงครึ่งปีหลังนั้น น่าจะเป็นแนวธรรมะ"
แต่หนังสือแนวธรรมะในความเห็นของคุณอาทร ไม่ได้เป็นเพียงหนังสือที่บอกที่มาของกรรม และวิธีแก้กรรมเท่านั้น เพราะยังรวมถึงธรรมะที่บริสุทธิ์ถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนาอีกด้วย
"นอกจากพวกแนวบอกวิธีแก้กรรมด้วยการกระทำบางอย่างแล้ว หนังสือธรรมะที่บอกวิธีแก้ไขปัญหาชีวิตด้วยธรรมะ การเจริญสติปัญญา และแนะให้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จะเป็นที่นิยมในครึ่งปีหลังเช่นกัน และยิ่งปีนี้เป็นวาระครบร้อยปีชาตกาลของท่านพุทธทาสภิกขุด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะช่วยหนุน"
จากคำสัมภาษณ์ของสามสำนักพิมพ์ใหญ่ ซึ่งแม้จะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์หนังสือในช่วงครึ่งปีหลังที่แตกต่างกันบ้าง แต่มีส่วนหนึ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนมั่นใจว่าหนังสือประเภทบาปบุญคุณโทษ ทั้งที่เป็นแนวธรรมะบริสุทธ์ตามหลักธรรมที่เป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนา และแนวชี้ที่มาที่ไปของกรรมตามความเชื่อของแต่ละบุคคลและบอกวิธีการแก้ไข จะเป็นแนวที่ได้รับความนิยมในตลาดหนังสืออย่างแน่นอน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งแม้จะเป็นเพียงภาพรวมและการคาดการณ์ทางธุรกิจของตลาดหนังสือ แต่ปฏิเสธไม่ ได้เลยว่า สามารถสะท้อนภาพความหวั่นไหวเปราะบางในจิตใจของผู้คนในสังคมไทย ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่เหมือนจะเข้มแข็งได้เป็นอย่างดี
ความหวั่นไหวที่เกิดจากความทุกข์ที่สะสม เกิดจากความไม่รู้ในเหตุแห่งทุกข์และวิธีดับทุกข์ จนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้น แม้ว่าวิธีนั้นอาจเป็นเพียงเปลือกกระพี้ก็ตาม
ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อกระแสของความนิยมหนังสือในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ เป็นไปในแนวทางเช่นนี้แล้ว ผู้อ่านคงจะเลือกอ่านหนังสือที่สอนแก่นแห่งหลักธรรมอันแท้จริงทางพุทธศาสนา
เพราะยาแห่งธรรมะจะช่วยรักษาจิตใจได้อย่างยั่งยืน