ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แผนงานสร้างเสริมสุขภาพคนพิการในสังคมไทย
ได้จัดแถลงข่าว “เทศกาลภาพยนตร์และการสัมมนาเรื่องความพิการ” นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มของคนพิการเพิ่มมากขึ้น ตามปัจจัยอื่นๆ อาทิ ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นป่วยโรคเบาหวาน ไขมันในเส้นเลือด นำสู่การพิการ อัมพาต รวมปัจจัยด้าน อุบัติเหตุจราจร แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ความพิการทางหู ซึ่งจากเดิมมักเกิดจากหูอักเสบเรื้อรัง และประสาทหูเสื่อมในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ขณะนี้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ก็มีความเสี่ยงต่อภาวะความพิการทางหูด้วยเช่นกัน ซึ่งมาจากพฤติกรรมการฟังเอ็มพี 3 หรือไอพ็อด เป็นเวลานาน ทำให้การรับรู้ของประสาทหูด้อยลง
“แม้ว่าไทยจะมีพ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 แล้ว แต่ในความเป็นจริงยังขาดงบประมาณที่รัฐสนับสนุน จึงจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุน ดังนั้นรัฐจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่จากภาษีของสินค้าและบริการที่ก่อให้เกิดความพิการ ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รถยนต์ จักรยานยนต์ ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้ประมาณการณ์ไว้ว่า คนไทยจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของรถยนต์”นพ.วิชัย กล่าว
พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพคนพิการในสังคมไทย กล่าวว่า
ขณะนี้กำลังศึกษาถึงผลกระทบจากการฟังเครื่องเล่นเอ็มพีสามทั้งหลาย รวมถึงไอพ็อดด้วยว่า ฟังติดต่อกันนานเพียงใด และระดับเสียงเพียงใดถึงจะมีผลต่อประสาทการได้ยิน ซึ่งแนวโน้มทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า การที่มีเสียงกระตุ้นประสาทรับรู้ตลอดเวลา ทำให้เซลล์ประสาทหูเสื่อมได้ เช่นเดียวกันกับคนงานในโรงงานขนาดใหญ่ หรือบริเวณท้องถนนที่มีเสียงดังมากๆ แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่สามารถควบคุมให้เสียงค่อยได้
“แนวคิดเรื่องการเก็บภาษีสินค้าที่ทำให้เกิดความพิการเพื่อนำมาเป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาการบริการและศักยภาพของคนพิการนั้น อาจจะต้องมีการเก็บภาษีเครื่องเล่นเอ็มพี 3 และไอพ็อดด้วย แต่ทั้งนี้ต้องมีการศึกษาวิจัยแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน อีกครั้งเพราะอาจมีเสียงคัดค้านจากผู้ประกอบการเครื่องเล่นเอ็มพี แต่หากจะมีการเก็บภาษีสินค้าที่ทำให้เกิดความพิการอย่างแรก น่าจะเป็นภาษีจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้อาจประมาณ 0.5 %ของภาษีทั้งหมดก็ได้”พญ.วัชรา กล่าว