เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 16/5 หมู่ 4 ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีธรรมราช
ซึ่งเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ปลูกอยู่ริมคลองบางจาก เนื่องจากได้รับแจ้งว่า นายสมหวัง อาดัม อายุ 33 ปี ชาวประมงเจ้าของบ้าน พบเต่าตนุขนาด ใหญ่ยักษ์ ซึ่งนายสมหวังได้นำไปดูเต่าตนุที่นำไปไว้ในอ่างปลาข้างบ้าน เป็นเต่าตนุเพศเมียสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวจากหัวถึงหาง 1.28 เมตร ความกว้างของกระดอง 1.12 เมตร นำหนัก 208 กิโลกรัม
นายสมหวังกล่าวถึงที่มาของเต่ายักษ์ว่า ตนมีอาชีพ ทำประมงพื้นบ้าน
โดยวางอวนขนาดเล็กในย่านปากน้ำปากพนัง อ.ปากพนัง พื้นที่รอยต่อ ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อราว 3 ทุ่มเศษวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ขับเรือหางยาวไปวางอวนตามปกติ จนกระทั่งเวลา 00.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. วางอวนเสร็จสิ้น จึงขับเรือกลับบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเก็บอวนในช่วงสายวันนี้ ปรากฏว่าพอขับเรือมาถึงปากอ่าวบ้านบางปรง ซึ่งเป็นปากอ่าวเล็กด้านในถัดมาจากปากอ่าวปากพนัง อยู่ระหว่างหมู่ 12 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง กับหมู่ 7 ต.บางจาก อ.เมืองนครศรีธรรมราช จู่ๆเครื่องยนต์เรือเกิดดับไปดื้อๆ พยายามติดเครื่องอยู่นานนับชั่วโมงแต่ไม่เป็นผล แถมเรือยังถูกคลื่นลมแรงพัดออกทะเลเรื่อยๆ แม้จะใช้ไม้พายพายเรือกลับเข้าคลองบางจากอย่างสุดกำลัง แต่ไม่อาจต้านทานคลื่นลมได้ เรือก็ลอยห่างจากฝั่งไปอย่างต่อเนื่อง
หนุ่มชาวประมงกล่าวต่อว่า ช่วงนั้นตนรู้สึกอับจนไม่มีปัญญานำเรือกลับบ้านได้ จึงอธิษฐานในใจขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้คลื่นลมสงบ
และขอให้ช่วยให้กลับบ้านได้ หลังจากนั้นครู่เดียวคลื่นลมก็สงบลงอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆเรือของตนก็เคลื่อนตัวทวนทิศทางคลื่นลมอย่างช้าๆ กลับเข้าคลองบางจากได้ทั้งที่ไม่ได้ใช้พายพายเรือแม้แต่น้อย ทำให้ตกใจจนขนหัวลุก คิดในใจว่าอาจมีวิญญาณ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยพาเรือของตนกลับบ้านตามคำอธิษฐาน
นายสมหวังเจ้าของบ้านกล่าวต่อว่า กระทั่ง 6โมงเช้า เรือเคลื่อนตัวมาถึงริมตลิ่งหน้าบ้านแล้วหยุดลง จึงรีบกระโดดขึ้นตลิ่งทันที
จากนั้นได้มองไปที่เรือเห็นเต่าตัวใหญ่ว่ายน้ำออกมาจากใต้ท้องเรือ แล้วค่อยๆเดินต้วมเตี้ยมขึ้นมาบนตลิ่ง ทำให้แน่ใจว่าเต่าตัวนี้ดันเรือของตนจากปากน้ำปากพนังมาถึงบ้าน ระยะทางเกือบ 20 กม. แต่ยังรู้สึกแปลกใจว่าเต่ารู้ได้อย่างไรว่ามาถึงบ้าน ตนแล้ว ถึงได้หยุดดันเรือแล้วเดินขึ้นมาบนตลิ่ง ตนและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวเชื่อว่าเต่าตัวนี้เป็นเต่าเจ้าที่ หรือเป็นพญาเต่า จึงนำเรื่องไปเล่าให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง แจ้งนายไกรลาศ แก้วดี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ประสานประมงอำเภอปากพนัง มาตรวจสอบ
ระหว่างนั้นนายไกรลาด แก้วดี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายอุทร สิทธิศักดิ์ ประมงอำเภอปากพนัง และนักวิชาการจากศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินทางเข้ามาที่บ้านของนายสมหวัง และเข้าตรวจเต่าดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
จากนั้นนายอุทร สิทธิศักดิ์ ประมงอำเภอปากพนัง เปิดเผยว่า เต่าตนุตัวนี้ เป็นเพศเมีย อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี
ตามลำตัวไม่พบหลักฐานการทำเครื่องหมายหรือการฝังชิปใดๆ ยืนยันว่าเป็นเต่าตนุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ เคยพบมาในภูมิภาคนี้ และนายสมหวังยินยอมให้นำเต่าไปพักพื้นที่ศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ฯ เพื่อฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง เนื่องจากเต่ามีอาการอ่อนเพลีย โดยจะนำไปพักฟื้นในบ่ออนุบาล ให้ออกซิเจน ให้อาหาร คาดว่า จะให้พักฟื้นราว 1 เดือน หลังจากแข็งแรงดีแล้วก็จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในท้องทะเลลึกต่อไป ส่วนสาเหตุที่เต่าเข้ามาในพื้นที่ชายฝั่งทะเลนั้น คาดว่าเต่าอาจออกมาหาอาหารเพลินแล้วหลงทาง กระทั่งมาเจอกับเรือของนายสมหวังดังกล่าว