ก่อนจากวัง- อดีตกษัตริย์คยาเนนทราแห่งเนปาล เปิดวังนารายันฮิติ ในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อเตรียมออกจากวัง โดยกล่าวว่า เคารพการตัดสินใจของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงคดีสังหารหมู่ราชวงศ์สะท้านโลกที่ถูกใส่ร้าย ตามข่าว เมื่อ 11 มิ.ย. |
อดีตสมเด็จพระราชาธิบดีคยาเนนทราแห่งเนปาล เปิดพระราชวังนารายันฮิติ เพื่อจัดการแถลงข่าวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินทางออกจากพระราชวังที่ราชวงศ์ชาห์ประทับมานานนับร้อยปี ใจความส่วนหนึ่งกล่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมที่สมาชิกในราชวงศ์ถูกสังหารรวม 9 พระองค์ ซึ่งพระองค์ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่ปี 2544
"ในปี 2544 ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาแม้กระทั่งไม่ได้ไว้ทุกข์ให้กับพี่ชายของตนเอง พี่สะใภ้ และหลานชายและหญิง ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ใส่ร้ายพวกเรานี้ ช่างไร้มนุษยธรรม" อดีตประมุขกล่าวและว่า พระองค์และครอบครัวยังถูกกล่าวหาเรื่องอื่นๆ อีกมากมายด้วยเจตนาร้าย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจ เช่นว่า พระองค์ มีทรัพย์สมบัติและเงินมากมายในต่างแดน ทั้งที่จริงแล้วทุกอย่างอยู่ในเนปาล ทรัพย์สินที่มีทั้งหมดได้มอบให้ประเทศชาติ ช่วง 7 ปีที่ผ่านมา พระองค์ไม่ได้รับเงินหรือทรัพย์สินใดๆ
ทิ้งวัง- อดีตกษัตริย์คยาเนนทรา และอดีตราชินีโกมาล แห่งเนปาล นั่งรถยนต์เก็บข้าวของเดินทางออกจากวังนารายันฮิติอย่างถาวร หลังจัดแถลงข่าวเปิดใจโต้ข่าวลือต่างๆ เช่น คดีสังหารหมู่ราชวงศ์ และยืนยันว่าเมื่อประชาชนตัดสินว่าอยากได้ระบอบสาธารณรัฐก็พร้อมยอมรับ เมื่อ 11 มิ.ย. (เอเอฟพี) |
ทั้งนี้ เหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่อดีตประมุขเนปาลกล่าวถึง คือการสังหารหมู่ราชวงศ์โดยมกุฎราชกุมารที่ตอนนั้นผลการสืบสวนออกมาว่า
ทรงดื่มสุราและใช้ยาเสพติดก่อนใช้ปืนยิงสังหารกษัตริย์และราชินี ซึ่งเป็นพระบิดาและพระมารดาของพระองค์เอง รวมถึงพระญาติองค์อื่นๆ กลางวงโต๊ะเสวย ก่อนทรงยิงตัวตาย เพราะโกรธแค้นและผิดหวังที่ถูกกีดกันไม่ให้รักสตรีในตระกูลที่เป็นอริ แต่ในวันเกิดเหตุ ครอบครัวของอดีตกษัตริย์คยาเนนทราไม่ได้ไปร่วมโต๊ะเสวย จึงทำให้มีข่าวลือว่าพระองค์อยู่เบื้องหลัง
ในการแถลงข่าวอำลาพระราชวังครั้งนี้ อดีตประมุขเนปาลกล่าวด้วยว่า
เคารพการตัดสินใจของประชา ชนที่ต้องการล้มล้างระบอบกษัตริย์ และเปลี่ยนระบอบการปกครองเนปาลจากราชอาณาจักรไปเป็นสาธารณรัฐ และพระองค์จะไม่เดินทางออกเนปาล หรือลี้ภัยไปอยู่ประเทศที่สาม
อดีตกษัตริย์คยาเนนทรายังกล่าวด้วยว่า
ได้มอบมงกุฎและคทาซึ่งเป็นมรดกตกทอดของราชวงศ์ชาห์ให้กับรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากคณะกรรมการพิเศษของรัฐบาลเนปาลเคยให้ข่าวว่าพระองค์ไม่ให้ความร่วมมือกับการคืนและตรวจสอบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์