นพ.อภิชัย มงคล รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงข่าวการฆ่าตัวตาย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ว่า
บุคคลที่ฆ่าตัวตายล้วนเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน ซึ่งโรคซึมเศร้า ที่เป็นต้นเหตุนำไปสู่การฆ่าตัวตายสามารถรักษาหายได้ แต่หากมีปัจจัยเข้ามากระตุ้น เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอนดูฟุตบอล ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ออกกกำลังกาย อาจทำให้อาการของโรคกำเริบได้ จึงขอให้ผู้มีอาการโรคซึมเศร้าปรับพฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจนำสู่อาการกำเริบ นอกจากนี้ บุคคลรอบข้างสามารถร่วมกันป้องกันโรคนี้ได้ โดยการช่วยสังเกตพฤติกรรม ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนหนึ่ง ก่อนฆ่าตัวตายจะทำร้ายผู้อื่นด้วย
'จากข้อมูลที่อ้างอิงในระดับสากล พบว่า
ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าประมาณ 3 ล้านคน หรือประมาณ 5% ของประชากร แต่กลับมีผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาเพียง ไม่กี่แสนคนเท่านั้น เท่ากับว่า มีผู้ป่วยอีก 2 ล้านกว่าคนที่ยังไม่รู้ตัว และอาจนำสู่การเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังได้ ซึ่งอัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยเคยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อปี 2542-2543 เพราะเป็นช่วงหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ 2-3 ปี ทั้งนี้ หากจะมีผู้ฆ่าตัวตายจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนี้ก็จะต้องรอดูอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจากข้อมูลทางวิชาการจะไม่ใช่ตอนนี้' นพ.อภิชัย กล่าว