โทรศัพท์มือถือของพระถูกขโมย ชาวบ้านเลือกใช้วิธีทางไสยศาสตร์ตามหาคนร้ายแทนที่จะแจ้งตำรวจ
แต่ผลเสี่ยงทายไปตกบ้านหลังหนึ่ง ทำให้ลูกชายเจ้าของบ้านไม่พอใจ โวยวายเพราะตกเป็นจำเลยสังคมจนหวิดวางมวย เรียกร้องให้มีการขอขมา ชาวบ้านอีกฝ่ายก็ยังปักใจเชื่อพิธีกรรม อ้างหมู่บ้านอื่นเคยจับขโมยมาได้หลายครั้งแล้ว เรื่องราวการตามหาหัวขโมยด้วยวิธีทางไสยศาสตร์ตามความเชื่อของชาวบ้านในชุมชนครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ชาวบ้านขนุนเหนือ ขนุนใต้ หมู่ 15 ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ประมาณ 150 คน รวมตัวกันที่ลานวัดบวรประชานิมิต (บ้านขนุน) เพื่อประกอบพิธีกรรมด้านไสยศาสตร์ที่เรียกว่า “เสี่ยงข้อง” โดยใช้อุปกรณ์ใส่ปลาของชาวอีสาน แต่งยอดด้วยน้ำเต้าเป็นหัว มีแขน มีขา สวมเสื้อลายดำ เทา มาทำพิธี
หลังจากนั้นให้คนมาจับทั้งสองด้านของ "ข้อง" ก่อนที่ข้องจะแกว่งไกวขึ้นลงอย่างแรง ชาวบ้านที่จับอยู่วิ่งตรงไปหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้าน แต่ระหว่างทำพิธีคนในบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่ ชาวบ้านทั้งหมดจึงกลับมารวมตัวกันที่วัดอีกครั้ง
จากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอเปลี่ยนเป็นคนจับขาเสี่ยงข้องแทน ทันทีที่จับข้องก็หยุดแกว่ง ทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ก็ได้ผลเหมือนเดิม
หญิงคนนั้นจึงแจ้งว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังที่ข้องเสี่ยงทายไปหยุดอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและต้องตกเป็นจำเลยของสังคม สักพักมีผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาบอกว่าเป็นลูกชายของผู้หญิงคนดังกล่าว ได้ร้องตะโกนเอะอะโวยวายขึ้นมาว่า ครอบครัวตนทำอะไรผิด สังคมจึงมองลักษณะนี้ คนทำจะต้องรับผิดชอบและต้องขอขมาที่ทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียง ทำให้คนที่อยู่ในลานวัดนับร้อยคนส่งเสียงอื้ออึงโต้ตอบกันไปมา จนเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลาย ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เข้าร่วมสังเกตการณ์จึงเข้าห้ามปราม และเจ้าอาวาสได้ไกล่เกลี่ย โดยบอกว่าจะประชุมชาวบ้านอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไปและจะมีการขอขมากันหรือไม่ ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไป
ลูกชายเจ้าของบ้านกล่าวว่า ครอบครัวตนไม่มีความผิดอะไร
งานวัดงานบ้านก็ได้ช่วยเหลือดูแลมาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุของหายและใช้พิธีทางไสยศาสตร์จนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านตน เป็นการไม่ยุติธรรม เพราะจะทำให้ชาวบ้านเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับของหายในครั้งนี้ ต้องตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้วทั้งๆ ที่ไม่ได้ขโมยของ
ด้านนายสัมฤทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านขนุน หมู่ 15 กล่าวว่า วัดบวรประชานิมิต เป็นวัดที่ชุมชนขนาดใหญ่ 3 หมู่บ้านใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมด้านศาสนารวมกัน
ชุมชนส่วนรวมอยู่กันอย่างมีความสงบสุขเรียบร้อย อยู่กันแบบเอื้ออาทร สิ่งของในชุมชนไม่เคยหาย แต่ด้วยสภาวะข้าวยากหมากแพงจึงส่งผลกระทบต่อสังคม ทำให้มีหัวขโมยเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา คนร้ายลักโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย 100 ราคาประมาณ 1,200 บาท ของพระลูกวัดไป สร้างความฉงนแก่ชาวบ้านอย่างมาก เพราะไม่เคยเกิดเหตุลักขโมยทรัพย์สินขึ้นในหมู่บ้านมาก่อน ต่อมาพระครูปลัดธรรมกิจ เจ้าอาวาส เรียกผู้นำและคณะกรรมการหมู่บ้านทั้ง 3 แห่งประชุมร่วมกันเพื่อหาวิธีจับโจรรายนี้ กระทั่งได้ข้อสรุปว่า ให้จัดหาร่างทรงที่เก่งกล้าด้านอาคม ไสยศาสตร์ของขลังจาก อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ มานำพิธีกรรม "เสี่ยงข้อง" เพราะหมู่บ้านคำเผือที่อยู่ใกล้เคียงเคยตามหาทองคำหนัก 5 บาท ที่ถูกขโมยจากตู้เซฟไปจนเจอ อีกรายถูกขโมยสินสอดไป 1 แสนบาท ก็ตามพบ จึงคิดว่าน่าจะลองใช้พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ตามหาตัวคนร้ายรายนี้
นางราญ ธิปัญญา อยู่บ้านเลขที่ 5 บ้านคำเผือ ต.โสน อ.ขุขันธ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ จนกระทั่งไปช่วยทำพิธีหาสิ่งของที่หายไปจนสามารถจับคนร้ายอายุ 17 ปีได้ ตอนแรกไม่เชื่อ พอหัวขโมยรับสารภาพเท่านั้น ก็ปักใจเชื่อถือในพิธีกรรมนี้ คิดว่าไม่น่าจะเป็นการใส่ร้ายกัน เพราะคนทำพิธีกับชาวบ้านไม่เคยรู้จักกันมาก่อน