เริ่มใช้แล้วกม.ค้ามนุษย์ โทษหนักติดคุก-ยึดทรัพย์

ผลบังคับใช้แล้ววันนี้ กฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์
 
เผยกำหนดโทษหนัก คนทำความผิดมีโทษจำคุก 4-15 ปี ปรับตั้งแต่ 8 หมื่นถึง 1 ล้านบาท และยังต้องโดนยึดทรัพย์ด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ ส.ส. ส.ว. นักการเมืองท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ ถ้าทำความผิดจะต้องรับโทษ 2 เท่า พร้อมกำหนดให้จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปคม.) มีนายกฯเป็นประธาน

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดสัมมนาเรื่อง "เปิดศักราชกฎหมายการค้ามนุษย์ฉบับแรกของไทย" มีตำรวจ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทั่วประเทศ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. กล่าวบรรยายพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้เป็นทางการในวันที่ 5 มิ.ย. เป็นกฎหมายค้ามนุษย์ฉบับแรกของประเทศ จุดเด่นเป็นการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ มีกระบวนการตั้งแต่ป้องกันการค้าคน การช่วยเหลือ ปราบปราม และส่งกลับเหยื่ออย่างปลอดภัย ไม่ให้กลับสู่วงจรค้ามนุษย์อีก โดยกฎหมายกำหนดให้การทำผิดค้ามนุษย์เป็นความผิดมูลฐานตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ด้วย ญาติพี่น้องหรือใครที่นำเงินไปใช้จะมีความผิดฐานฟอกเงิน ทรัพย์สินที่ได้จากการค้ามนุษย์จะถูกยึดทั้งหมด

"ตามมาตรา 6 (1) กำหนดว่า ผู้ใดเป็นธุระจัดหา ซื้อขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขังจัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิดในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล และ (2) ระบุว่า ผู้ใดเป็นธุระจัดหา ซื้อขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขังจัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก มีความผิดฐานค้ามนุษย์" ผบช.สตม.กล่าว

พล.ต.ท.ชัชวาลย์กล่าวว่า

กฎหมายมาตรา 12 และ 13 ยังกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายนี้ ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หากกระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 6 ต้องได้รับโทษเป็นสองเท่า จากโทษความผิดฐานค้ามนุษย์ ที่จำคุกตั้งแต่ 4-15 ปี ปรับตั้งแต่ 80,000-1,000,000 บาท นอกจากนี้กฎหมายกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ระดับชาติ มีนายกฯ เป็นประธาน และระดับปฏิบัติ มีรองนายกฯ เป็นประธาน การตั้งกองทุนคุ้มครองเหยื่อและป้องกันการค้ามนุษย์ โดยหมวด 4 กำหนดให้ พมจ.มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลเหยื่อ หากเป็นคนต่างด้าวอาจผ่อนผันให้อยู่และทำงานระหว่างดำเนินคดีได้ ส่วนการปราบปรามผู้กระทำผิดเป็นหน้าที่ตำรวจและกระบวนการยุติธรรม กฎหมายให้มีการสืบพยานไว้ก่อนป้องกันเหยื่อถูกข่มขู่คุกคาม จากนั้นมีการอภิปรายในหัวข้อ "ตรวจแนวรบ รับมือกฎหมายค้ามนุษย์"

โดยนางศิริพร สะโครบาเนค ประธานมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า

ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ถูกบังคับใช้แรงงาน 12 ล้านคน ในจำนวนนี้มี 2.5 ล้านคนถูกบังคับใช้แรงงานอันเกิดจากการค้ามนุษย์ สร้างรายได้ให้กับขบวนการค้ามนุษย์ถึงประมาณ 32,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ 27,800 ล้านดอลลาร์มาจากการบังคับค้าประเวณี และถูกบังคับค้าแรงงานอื่นๆ 3,800 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้สถานการณ์การค้ามนุษย์สลับซับซ้อนมากขึ้น

"เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาพบการตกเขียวหรือโสเภณีเด็ก และขบวนการค้ามนุษย์ไม่ได้หยุดยั้งการทำผิด ขณะนี้ผู้หญิงทางภาคเหนือและอีสานที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก นอกจากเด็กจบชั้นประถมวัยกว่า 10 ขวบ ได้มุ่งมายังกลุ่มผู้หญิงอายุ 30-40 ปี ที่แต่งงานมีสามีแล้ว ตกเป็นเหยื่อจากคนใกล้ชิดและเครือญาติด้วย เช่น พี่สะใภ้ น้าสะใภ้ ชักชวนคนในครอบครัวของตัวเองไปเก็บผลไม้ในต่างประเทศ พอไปถึงปรากฏว่าบังคับให้ค้าประเวณี สิ่งที่สะท้อนใจคือเมื่อแจ้งความเอาผิด กลับถูกคนในครอบครัวตำหนิ" นางศิริพรกล่าว

นางกานดา วัชราภัย รองปลัดพม. และ ผอ. สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) กล่าวว่า
 
กระทรวงพยายามอบรม พมจ. 75 จังหวัด และเครือข่ายรวม 5,000 คน ต้องมีส่วนดูแลเหยื่อ รณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจ ช่วยชี้เบาะแสสาวถึงคนทำผิดได้ พม.มีสถานแรกรับ 104 แห่ง ดูแลผู้เสียหายทั้งคนไทย ต่างชาติ ก่อนส่งไปสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้กระทรวงได้ร่างแนวทางคัดแยกเหยื่อ และจัดตั้งกองทุนคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหาย ช่วยเอ็นจีโอทำงานด้านนี้

น.ส.กุย ยิบ ซอน ผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า
 
การค้ามนุษย์เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นสูงสุด เพราะเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ องค์การสหประชาชาติเชื่อว่าประชากร 2.5 ล้านคนทั่วโลกถูกล่อลวง เคลื่อนย้าย เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งการที่ประเทศไทยมีกฎหมายการค้ามนุษย์ฉบับแรก ถือเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐบาลไทยต่อนานาชาติ ในการต่อต้านการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ