ดีเดย์ ! 4 มิ.ย. นี้ พ.ร.บ.คำนำหน้านามหญิง พ.ศ.2551
มีผลบังคับใช้ ชี้เปลี่ยน “นาง” เป็น “นางสาว” และใช้ชื่อสกุลได้ ตามความสมัครใจ เตือนหญิงที่อยากเปลี่ยนคิดให้ดี ๆ เพราะอาจเกิดความวุ่นวายทางธุรกรรม ส่วนสาว ๆ ที่กำลังจะจดทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่จะสอบถามก่อนว่าจะใช้นามสกุลของใคร และใช้คำนำหน้านามแบบไหน เพื่อระบุลงไปในทะเบียนสมรส
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน เปิดเผยว่า
เนื่องจาก พ.ร.บ. คำนำหน้านามหญิง พ.ศ. 2551 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้สตรีมี ทางเลือกในการใช้คำนำหน้านาม และชื่อสกุล ได้ตามความสมัครใจ ทั้งนี้ สำหรับหญิงที่จดทะเบียนสมรสแล้ว จะใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจ โดยจะต้องนำหลักฐาน ประกอบด้วยทะเบียน สมรส ทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชน ไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนที่สำนักงานเขตตามที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
สำหรับหญิงที่การสมรสสิ้นสุดลงจะใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจเช่นเดียวกัน
โดยจะต้องนำใบสำคัญการจดทะเบียนหย่า ทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชน ไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนที่สำนักงานเขตตามที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเช่นเดียวกัน ส่วนหญิงที่จดทะเบียนสมรสแล้ว จะใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้ตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตนก็ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ยื่นคำร้องไปแล้วทางเจ้าหน้าที่จะทำหนังสือรับรองให้ จากนั้นจะต้องไปยื่นคำร้องที่ฝ่ายทะเบียนราษฎรเพื่อแก้ไขในทะเบียนบ้าน รวมทั้งเพื่อทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ต่อไป
นายยศศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับหญิงที่กำลังจะจดทะเบียนสมรสนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะสอบถามก่อนว่าจะใช้นามสกุลของใครและจะใช้คำนำหน้านามแบบไหน
เพื่อดำเนินการระบุลงไปในทะเบียนสมรสเลย อย่างไรก็ตาม สำหรับหญิงที่ต้องการจะเปลี่ยนคำนำหน้านามก็มีข้อควรพึง ระวังด้วยเช่นกัน เพราะจะต้องดำเนินการแก้ไขเอกสารที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สมุดเงินฝาก โฉนดที่ดิน หนังสือเดินทาง เป็นต้น ซึ่งอาจจะสร้างความสับสนและวุ่นวายได้ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนคำนำหน้านามนั้นพิจารณาและไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้จะต้องเดินทางไปเปลี่ยนที่สำนักงานเขตตามที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น โดยสามารถเดินทางไปเปลี่ยนได้ในวันและเวลาราชการตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.