รถร่วมฯไม่บริการ

คนกรุงเดือดร้อน! รถร่วมฯ นัดกันหยุดวิ่งให้บริการวันนี้ พร้อมแห่ปิดถนนหน้า ก.คมนาคม ประท้วงขึ้นค่าโดยสาร ทำจราจรติดขัด ตัวแทนผู้ประกอบการเตรียมเข้าพบ รมว.ขอคำตอบ อ้างทนแบกรับราคาดีเซลไม่ไหว วอน ปชช.เห็นใจ

วันนี้ (29 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรถร่วมบริการเอกชนทั้งรถขนาดใหญ่ และรถมินิบัส

ได้นัดกันหยุดวิ่งให้บริการประชาชนในกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งทยอยนำรถมาปิดการจราจรบริเวณสะพานผ่านฟ้า และบริเวณหน้ากระทรวงคมนาคม เพื่อเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปรับขึ้นราคาวานนี้ ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดอย่างหนักในช่วงเช้า ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปทำงานในช่วงเช้าเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ขสมก.ได้เพิ่มจำนวนรถโดยสารเพื่อออกให้บริการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว.

นายฉัตรชัย ชัยวิเศษ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน ให้สัมภาษณ์ใน “ข่าวเช้า โมเดิร์นไนน์” ว่า

รถร่วมบริการไม่สามารถเดินรถได้แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลปรับราคาสูงขึ้น ขณะที่รถร่วมบริการที่ติดเอ็นจีวีมีประมาณ 1,000 คัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรถทั้งหมดที่มีในระบบ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามเครือข่ายตอนนี้เริ่มมีรถไปจอดชุมนุมหลายร้อยคันแล้วบริเวณด้านหน้ากระทรวงคมนาคม อย่างไรก็ตาม การชุมนุมจะยุติเมื่อใดนั้น คงต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐว่าจะรับข้อเสนอที่ขอความช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ทั้งเรื่องการอุดหนุนราคาน้ำมัน และยกเลิกหรือยกเว้นการจ่ายค่าตอบแทนรายวัน และเวลา 09.00 น. จะขอเข้าพบ นายสันติ  พร้อมพัฒน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

“จริง ๆ แล้วไม่อยากให้มีรถออกไปชุมนุมมาก เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมอยู่บริเวณใกล้เคียงกระทรวงคมนาคม แต่ส่วนใหญ่ไม่มีทางถอยแล้ว ดังนั้น การออกไปชุมนุมของรถร่วมบริการจึงไปกันเอง อยู่นอกเหนือการควบคุมของสมาคม ถ้าหยุดเดินรถแล้วมีมาตรการลงโทษเราก็ขอร้อง เพราะที่ผ่านมารถร่วมบริการไม่ได้ดื้อ เราเป็นคนดีของ ขสมก.มาตลอด และขอความเห็นใจจากผู้ใช้บริการ เพราะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แล้ว เราไม่มีการเมืองในเรื่องนี้ เราเดือดร้อนจริง ๆ” นายฉัตรชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.00 น. กลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมฯ

จะเข้ายื่นหนังสือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจะรอฟังคำตอบจากรัฐบาลเลย หากรัฐบาลตอบรับให้ความช่วยเหลือก็จะสลายการชุมนุมในทันที แต่หากปฏิเสธทางกลุ่มผู้ประกอบการก็จะหารือกันอีกครั้งว่าจะเดินหน้าชุมนุมเรียกร้องต่อไป หรือจะมีแนวทางอื่นเพื่อดำเนินการเรียกร้องหรือไป.