หลังใจจดใจจ่อรอฟังคำสั่งศาลปกครอง ในที่สุดศาลปกครองก็ได้มีคำสั่งทุเลาการมีผลบังคับใช้ การปรับราคาค่าโดยสารแล้วเมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ค.
โดยนายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสาร กล่าวภายหลังได้รับคำสั่งจากศาลปกครอง ที่มีคำสั่งทุเลาการมีผลบังคับใช้การปรับราคาค่าโดยสาร ตามมติคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ในรถหมวด 1 และ หมวดที่ 4 คือรถที่วิ่งในเขต กทม. และปริมณฑล และ รถที่วิ่งในซอย สำหรับรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วม ขสมก. ซึ่งเดิมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ได้มีมติให้ปรับค่าโดยสารรถร้อน 1.50 บาท/คน/เที่ยว ส่วนรถปรับอากาศให้ปรับช่วงละ 1 บาท ว่า รู้สึกดีใจและยินดีกับคำสั่งคุ้มครองของศาลปกครอง เนื่องจากเห็นว่าประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ได้รับความเดือดร้อนมากแล้ว แต่ส่วนของ บขส. และรถร่วม บขส. ได้ปรับราคาก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะรถดังกล่าวมีปัญหาในการเติมก๊าซที่ในปัจจุบันไม่มากนัก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คำสั่งของศาลปกครองดังกล่าว เกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง
มีมติให้ ขสมก.ปรับราคาค่าโดยสารให้กับรถร่วมโดยสาร ขสมก. และรถ ขสมก.ซึ่งเป็นรถร้อน เพิ่มขึ้นอีก 1.50 บาท/คน/เที่ยว และรถปรับอากาศเพิ่มขึ้น 1 บาท/คน/เที่ยว ส่วนรถโดยสารประจำทางของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วม บขส.ให้เพิ่มขึ้น 3 สตางค์/กม. โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. 51 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรถโดยสารของ ขสมก. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ได้มีคำสั่งให้ชะลอการขึ้นราคาไว้ก่อนเมื่อวันที่ 25 พ.ค.
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า
ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. บขส.ได้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ที่ให้ปรับอัตราค่าโดยสารสำหรับรถโดยสาร บขส. และรถร่วมบริการอีก 3 สตางค์ และได้ปรับค่าโดยสารให้เท่ากับรถร่วมบริการ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ค่าโดยสารของ บขส.ต่ำกว่ารถร่วมบริการอยู่กิโลเมตรละ 3 สตางค์