รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในฐานะเลขาธิการราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันมีความนิยมในการทำสปาหลายรูปแบบ แต่การทำสปาหูซึ่งเป็นอีกชนิดที่กำลังมีความนิยม มีการโฆษณาในสื่อต่างๆ ว่า รักษาโรคได้ นั้น ยังไม่มีรายงานยืนยัน และนอกจากจะไม่สามารถรักษาโรคได้แล้ว อาจจะทำให้ช่องหู แก้วหูถูกเผาไหม้ ที่สำคัญ คือ คนที่หูอักเสบเป็นแผลติดเชื้อ หูน้ำหนวก มีของเหลวไหลออกมาจากหู แก้วหูทะลุฉีกขาดเป็นแผล หรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดภายในหูไม่ถึง 3 เดือน เยื่อแก้วหูผิดปกติ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทำสปาหูโดยเด็ดขาด โดยมีการพิสูจน์แล้วว่าแรงดันที่เกิดจากการทำสปาหู ไม่มากเพียงพอที่จะดูดขี้หูออกได้ ที่สำคัญ ขี้หูไม่ใช่ขี้ ไม่ต้องทำความสะอาด แต่ขี้หูเป็นขี้ผึ้ง ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าไปภายในหู จึงมีประโยชน์ ไม่ต้องไปขจัดออก
ด้านนพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า
จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานประกอบธุรกิจบริการสุขภาพทั้งสปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมสวย หากพบมีการให้บริการสปาหู จะเพิกถอนการรับรองและไม่ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งจะส่งผลให้สถานบริการกลายเป็นสถานบริการเถื่อน หากยังคงให้บริการจะมีความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท