นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า
คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขสมก.ได้ประชุมวาระเร่งด่วน เรื่องการปรับราคาค่าโดยสารรถโดยสาร ขสมก.และรถร่วมฯ ตามมติคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ซึ่งได้อนุมัติให้รถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) ปรับขึ้น 1.50 บาท มินิบัส รถสองแถว ปรับเพิ่ม 1 บาท รถปรับอากาศปรับขึ้นระยะละ 1 บาท มีผลวันที่ 25 พ.ค.นี้
ซึ่งบอร์ดได้มีการพิจารณากรณีการปรับขึ้นค่าโดยสารของรถ ขสมก. เนื่องจากปัจจุบัน ขสมก.เก็บค่าโดยสารรถ ร้อนที่ 7.00 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เก็บน้อยกว่าฐานที่กฎหมายอนุมัติให้ปรับขึ้นครั้งที่ผ่านมา ที่อนุมัติให้เก็บได้ 7.50 บาท บอร์ดจึงได้มีมติเก็บค่าโดยสารเพิ่มขึ้นโดย ใช้ฐานจากที่เก็บจริงซึ่งต่ำกว่าที่กฎหมายอนุญาต อยู่ 50 สตางค์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่งผลให้ค่าโดยสารที่ ขสมก.จะจัดเก็บใหม่ ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ คือ รถร้อน (ครีมแดง) เก็บค่าโดยสาร 8.50 บาท รถร้อนขาว-น้ำเงิน เก็บค่าโดยสาร 9.50 บาท รถร่วมฯครีมแดง 9.00 บาท รถร่วมฯขาว-น้ำเงิน เก็บ 10 บาท ซึ่งทำให้รถร้อนของ ขสมก.เก็บค่าโดยสารอัตราที่ต่ำกว่ารถเอกชนร่วมบริการ 1 บาท ส่วนรถปรับอากาศของ ขสมก.ก็จะเก็บค่าโดยสารในอัตราที่ถูกกว่ารถร่วมฯ อยู่ระยะละ 1 บาทเช่นกัน เนื่องจากฐานราคาที่จัดเก็บในปัจจุบันต่ำกว่ารถร่วมฯ เพราะในการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งที่ผ่านมา มติของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง อนุมัติให้ปรับขึ้นเฉพาะรถร่วมฯ และตรึงราคาของรถ ขสมก.ไว้
นายพิเณศวร์ กล่าวต่อว่า
การปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ทำให้ ขสมก.มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 18-20 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งก็ยังไม่สามารถชดเชยภาระของ ขสมก.ที่แบกรับการขาดทุนจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่เดือนละ 500-600 ล้านบาท โดยในช่วงนี้ ขสมก. จะจำหน่ายตั๋วเก่าที่มีอยู่ให้หมดก่อน ซึ่งตามระเบียบระบุว่าจะต้องฉีกตั๋วในราคาที่ไม่ต่ำกว่าค่าโดยสารที่กำหนด พนักงานอาจฉีกตั๋วสองใบให้มีราคารวมกันไม่ต่ำกว่าราคาค่าโดยสาร แต่ฉีกราคาเกินได้ เพื่อใช้ตั๋วเก่าให้หมด ซึ่งเป็นตั๋วที่ ขสมก.ต้องจ้างกองสลากพิมพ์ โดยจะติดประกาศราคาที่ถูกต้องบนรถ หากผู้โดยสารมีข้อร้องเรียนหรือข้อสงสัยให้สอบถามได้ที่ โทร.184 โดยตั๋วใหม่ที่ราคาตรงกับที่จัดเก็บจะนำมาจำหน่ายภายในสัปดาห์นี้.