กองปราบฯ รวบตัวผู้ต้องหาโกง 50 ล้านบริษัทประกันชีวิตชื่อดัง
เผยเป็นอดีตผจก.ฝ่ายบริหารบริษัทวิริยะซัพพลาย ในเครือวิริยะประกันภัย ถูกบริษัทแจ้งจับฐานยักยอกเงินตบแต่งบัญชีเป็นค่าสั่งซื้อในกิจการบริษัท แล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองรวมเกือบ 50 ล้านบาทแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อปี"50 สารภาพโกงไปใช้หนี้พนันฟุตบอลและซื้อรถหรูมาขับ
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.วิชิต ปักษา ผกก.ฝป.2 บก.ป.
สั่งการให้ พ.ต.ท.ขวัญพิชัย มะโนเจริญทรัพย์ สว.ฝป.2 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม นายทศพล หรือ สุรศักดิ์ หรือ วิสิทธ์ ซื่อตรง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143/2 หมู่ 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ จ. 2677-2678/2550 ลงวันที่ 19 พ.ย.50 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่ถนนหน้าวินเพลซอพาร์ทเม้นท์ ซอยพหลโยธิน 52 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. เมื่อค่ำวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.วิชิต กล่าวว่า
การจับกุมครั้งสืบเนื่องจากเมื่อเดือนพ.ย.50 บริษัทวิริยะซัพพลาย บริษัทประกันภัยในเครือวิริยะประกันภัย ได้เข้าแจ้งความที่สน.ประชาชื่น ให้ดำเนินคดีกับนายทศพล ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหาร ได้เบิกเงินที่จะนำไปใช้ในกิจการต่างๆ ไปเข้าบัญชีธนาคารของตัวเอง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 49,250,000 บาท หลังจากนั้นได้หลบหนีไป
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบ พบว่า
นายทศพลยักยอกเงินโดยการตบแต่งบัญชีเป็นค่าสั่งซื้อและสั่งจ่ายในการกิจการของบริษัท ในช่วงเดือนก.พ.-ก.ย.2550 เดียวกัน มีการโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง ครั้งแรกเป็นเงิน 32,100,000 บาท ครั้งที่สองจำนวน 17,150,000 บาท กระทั่งต่อมาทางบริษัทแม่ได้ตรวจสอบพบว่านายทศพลในฐานะผู้มีอำนาจในการสั่งจ่าย ฉ้อโกงเงินของบริษัทแล้วได้หลบหนีไม่ยอมมาทำงาน จึงส่งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจเข้าแจ้งความดำเนินคดี
พ.ต.อ.วิชิตกล่าวว่า จาการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า
ได้โกงเงินบริษัทไปเพื่อนำไปจ่ายหนี้การทายผลพนันฟุตบอล โดยแทงกับเจ้ามือรายใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แรกๆ ก็หมุนเงินได้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อเสียมากขึ้นจนหมุนไม่ทัน จึงนำเงินบริษัทไปใช้หนี้ จนสุดท้ายมีหนี้สินจำนวนมาก ไม่สามารถนำเงินมาใช้คืนได้ นอกจากนี้ยังไปซื้อรถยนต์ยี่ห้อหรูคันหนึ่งมาใช้ส่วนตัวด้วย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่นดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.ต.ไมตรี สามาอาภัตร์ สวส.สน.ประชา ชื่น กล่าวว่า
หลังจากรับตัวนายทศพลมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามที่ตามจับกุมตัวมาได้แล้ว ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาไม่ขอให้การ โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น จึงนำตัวส่งฝากขังศาลอาญา สำหรับสำนวนการสอบสวนนั้นเบื้องต้นได้ส่งให้พนักงานอัยการไปพิจารณาบ้างแล้ว เหลือเพียงผลการตรวจลายนิ้วมือ และตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาเท่านั้น