ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทเชลล์แห่งประเทศ ไทย, บริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), บริษัทสยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) หรือ ซัสโก้
ได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซล 80 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ขยับเป็น 38.39 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 37.29 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 34.39 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 33.59 บาทต่อลิตร และดีเซลเป็น 35.24 บาทต่อลิตร ซึ่งถือเป็น อัตราการปรับราคาน้ำมันขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ วงการค้าน้ำมันของประเทศไทย และราคาดังกล่าวยังทำสถิติใหม่อีกครั้ง (นิวไฮ) และถือเป็นการปรับขึ้นรวดเดียว 80 สต.ต่อลิตร จากปกติมักจะปรับสูงสุดเพียง 50 สต.ต่อลิตรเท่านั้น ขณะเดียวกันบางจากได้ตัดสินใจปรับขึ้นราคาเบนซินอีกลิตรละ 50 สต.ต่อลิตร ส่วนดีเซลขอรอดูอีกครั้ง
นายไซม่อน เฮิร์ส ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า
เชลล์จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 80 สตางค์ต่อลิตร เนื่องจากเชลล์ยังคงต้องแบกรับภาระขาดทุนค้าปลีกน้ำมันจากการปรับราคาไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ รวม 600 ล้านบาท ซึ่งเชลล์พยายามทยอยปรับราคาเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนในขณะนี้ที่มีค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่เมื่อไม่สามารถชะลอการปรับได้ก็ต้องปรับขึ้น “ผมขอยืนยันว่าทุกลิตรของน้ำมันที่เชลล์ขายต่ำกว่าต้นทุนมาตลอด ก่อนการตัดสินใจปรับขึ้นครั้งนี้ เช่น น้ำมันดีเซล เชลล์แบกภาระขาดทุน 4.20 บาทต่อลิตร ขณะที่เบนซินล่าสุดมีค่าการตลาดเพียง 3 สตางค์ต่อลิตร โดยค่าการตลาดที่เหมาะสมควรเป็น 1.50 บาทต่อลิตร ทำให้ทุกลิตรที่เชลล์ขายจึงขาดทุน ซึ่งราคาขายปลีกยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกครั้งหลังจากปรับราคาครั้งนี้ ดังนั้น ต้องการให้ประชาชนประหยัดด้วยวิธีง่ายๆ เช่น จำกัดความเร็วรถยนต์ การเติมลมยางให้เหมาะ-สม เป็นต้น ส่วนภาครัฐนั้นควรจะดูในเรื่องของค่าการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันที่ขณะนี้มีค่าการกลั่น 3 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้ค้าที่มีโรงกลั่นจะนำรายได้ส่วนนี้มาเฉลี่ยขาดทุนได้”
ราคาน้ำมันสูงสุดประวัติการณ์ เชลล์ช็อกโลกขึ้นพรวดเบนซิน-ดีเซลลิตร 80 สต.
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ปตท.ได้ปรับราคาน้ำมันเบนซินขึ้นลิตรละ 50 สต. ขณะที่ดีเซลยังไม่ปรับขึ้นขอรอดูสถานการณ์อีก 1-2 วัน โดยล่าสุดนั้น ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลขณะนี้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 3 บาทต่อลิตร จากราคาขายที่ประมาณ 34.44 บาทต่อลิตร ขณะที่เบนซินค่าการตลาดต่ำเช่นกัน“ราคาน้ำมันขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง ผมเห็นว่าราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะมีจุดสิ้นสุด และราคาจะลดต่ำลงมาได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆนี้ ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำมัน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันที่ 12 พ.ค. 51 เวสต์เท็กซัสลดลง 1.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปิดที่ 124.23 เหรียญฯต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบดูไบปรับขึ้น 1.86 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปิดที่ 120 เหรียญฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินตลาดสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.41 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปิดที่ 131.29 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดีเซลปรับขึ้น 4.56 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปิดที่ 157.85 เหรียญฯต่อบาร์เรล ด้านนายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า
กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันจะเข้าหารือกับ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน ถึงนโยบายราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่รัฐบาลยังคงตรึงราคาไว้ที่ระดับ 320 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ระดับ 820 เหรียญฯ จึงต้องการให้ภาครัฐพิจารณาแยกราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ส่วน คือ ภาคครัวเรือน และภาคขนส่งและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดภาระการอุดหนุนจากภาครัฐและโรงกลั่นน้ำมันลง
“ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันหันไปใช้ก๊าซธรรมชาติแทนก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิง เพื่อให้ก๊าซหุงต้มมีจำหน่ายในประเทศพอเพียง โดยระบุว่า จะนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชยให้โรงกลั่นน้ำมัน แต่จนถึงขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันก็ยังไม่ได้รับการชดเชย ซึ่งปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันก็ถือเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ทำไมต้องไปสนับสนุนโรงงานอุตสาหกรรมให้ใช้ก๊าซหุงต้มในราคาถูก”.