ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ ผวจ.ชุมพร ตรวจสอบแมวที่ถูกจับขังอยู่ในกรง
ได้มีนายสมจิตร ฟุ้งเฟื้อง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/6 หมู่ 7 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เดินเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าแมวทั้งหมดไม่ได้ มีคนเอาไปปล่อยหรือทิ้งไว้ตามที่มีคนร้องเรียนแต่อย่างใด เนื่องจากตนเป็นเจ้าของแมวทั้งหมด เพราะเป็นคนรักสัตว์ เมื่อเห็นแมวถูกทิ้ง หรือแมวเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน และชอบไปลักขโมยปลาเค็ม ปลาหมึก ที่ชาวประมงตากแห้งไว้ จนถูกตีถูกขว้างปาอยู่เป็นประจำ ซึ่งแมวขโมยพวกนี้ยังทำให้ชาวบ้านทะเลาะกันด้วย โดยต่างโทษว่าเป็นแมวบ้านนั้นบ้าง บ้านนี้บ้างไปแอบลักขโมยกินข้าวของ ทำให้ตนรู้สึกสงสาร จึงตัดสินใจจับแมวขึ้นไปเลี้ยงไว้บนเกาะหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคนในละแวกนี้เรียกชื่อว่า “เกาะพระ” ห่างจากฝั่งราว 1.5 กม. หากน้ำลงมากๆ สามารถว่ายข้ามไปได้ โดยจับแมวเร่ร่อน แมวที่เจ้าของทอดทิ้ง ขึ้นไปเลี้ยงบนเกาะดังกล่าววันละตัวสองตัว จนถึงปัจจุบันผ่านมา 3 ปีแล้ว มีแมวบนเกาะทั้งหมด 31 ตัว
นายสมจิตรกล่าวต่อไปว่า มีอาชีพเป็นชาวประมงชายฝั่ง หลังออกเรือจับปลาได้แล้ว จะนำปลาที่ไม่มีราคาหรือปลาที่ขายไม่ได้ วันละประมาณ 3 กก.มาต้มให้สุกและหุงข้าววันละ 1.5 กก.
นั่งเรือพายนำข้าวคลุกปลา ไปเลี้ยงแมวบนเกาะทุกวัน วันละมื้อ แมวทุกตัวจึงอ้วนท้วนสมบูรณ์ไม่อดอยากหิวโซ และไม่ได้มีชาวบ้านนำไปทิ้งเกาะร้างตามที่มีการร้องเรียน จนมีข่าวทางสื่อมวลชนแต่อย่างใดชาวบ้านที่นี่ก็ยืนยันได้ เพราะเห็นตนเอาข้าวเอาปลาไปให้แมวบนเกาะกินทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ ข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ตนและชาวบ้านในละแวกนี้รู้สึกเสียใจและไม่พอใจอย่างมาก เพราะทำให้ถูกมองว่าเป็นคนใจร้ายทารุณสัตว์ โดยเฉพาะแมวซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงคู่บ้านของคนไทย เรื่องนี้ไม่รู้ว่ามีใครต้องการสร้างข่าวเพื่อหวังผลประโยชน์อะไรหรือไม่
“มาคิดอีกมุมหนึ่งผมก็รู้สึกดีใจที่มีเจ้าหน้าที่ไปนำแมวขึ้นมาจากเกาะ จะได้หมดภาระในการเลี้ยงดูแมวทั้ง 31 ตัว ที่เลี้ยงมาถึง 3 ปีแล้ว วันไหนฝนตกลมแรงก็หยุดไม่ได้ เพราะสงสารพวกมันจะอดข้าว อดน้ำ วันนี้ เจ้าหน้าที่จับมาได้ 21 ตัว ยังเหลืออีก 10 ตัว ผมจะให้ ความร่วมมือขึ้นไปจับส่วนที่เหลือทั้งหมดให้ เพราะบางตัวไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า” ชาวประมงคนเลี้ยงแมวกล่าว
นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคิดว่านักท่องเที่ยวคงไม่รู้ข้อเท็จจริง
เมื่อมาเที่ยวแบบโฮมสเตย์แล้วไปพบแมวบนเกาะหลายสิบตัวและคิดว่าเป็นเกาะร้าง ทั้งที่ความจริงเกาะพระแห่งนี้ชาวประมง ชายฝั่งใช้เป็นที่หลบลมมรสุม เมื่อนักท่องเที่ยวไม่รู้ความเป็นมาไปพบเข้าและร้องเรียนองค์กรอนุรักษ์ พูดปาก ต่อปากต่อๆกันไป ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ จริงๆแล้วถ้าพบเห็นอะไร หรือมีปัญหาอะไรในพื้นที่ ทุกคนสามารถมาบอกผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ไม่จำเป็นต้องเอาเครื่องบิน ซี-130 มารับหรอก สำหรับแมวทั้งหมดจะนำไปอนุบาล ตรวจโรคและเลี้ยงไว้ในจวนผู้ว่าฯ โดยให้ปศุสัตว์มาฉีดวัคซีนและทำหมัน จากนั้นจะประกาศหากลุ่มคนรักแมวรับไปอุปการะเลี้ยงดู ตนจะตั้งชื่อแมวทุกตัว และทำพิธีมอบให้กับผู้ที่มารับไปเลี้ยง คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เนื่องจาก จ.ชุมพร มีคนรักสัตว์จำนวนมาก
ด้านนายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ออกมายอมรับเสียงอ่อยๆว่า
แม้จะได้ข้อเท็จจริงว่าแมวที่อยู่บนเกาะเป็นแมวเลี้ยง แต่พบแมวหลายตัวมีอาการตื่นกลัว ไม่เชื่อง เจ้าของเรียกหรือออกคำสั่งไม่ได้ ต้องตั้งกรงดักจับเพื่ออพยพออกจากเกาะโดยเร็ว จากการสอบถามชาวบ้านในชุมชนหาดเกาะเตียบ พบว่าไม่ได้มีนายสมจิตรคนเดียวที่นิยมเลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก แต่มีหลายครอบครัวที่นิยมเลี้ยงแมวตามธรรมชาติ ไม่มีการควบคุมการสืบพันธุ์ อย่างไรก็ตามหน้าที่ของสมาคมตอนนี้คือ ต้องเร่งแก้ปัญหาแมวติดเกาะให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงเสนอโครงการควบคุมประชากรแมวให้กับ ผวจ.ชุมพรต่อไป
เลขาฯสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) กล่าวอีกว่า แผนปฏิบัติการกู้ชีพแมวติดเกาะที่มีการขอใช้เครื่องบินซี130 จากกองทัพอากาศนั้น ไม่ใช่เรื่องการขี่ช้างจับตั๊กแตน
แต่เป็นเรื่องการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เหมาะสมกับแมวจำนวนมากให้ ทันท่วงที สมาคมมีรถยนต์เพียงคันเดียวไม่สามารถขนอุปกรณ์ได้ทั้งหมด จึงขอความอนุเคราะห์ไปยังกองทัพอากาศ ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์อย่างดี เนื่องจากเคยร่วมงานกู้ชีพแมวและสุนัขติดเกาะตอนเหตุการณ์สึนามิ ถ้าไม่ได้กองทัพอากาศช่วยเหลือ และภาคเอกชนช่วยบริจาคยาและอาหาร สมาคมคงไม่สามารถเดินทางมาช่วยเหลือแมวเหล่านี้ได้เช่นกัน