ชาวสวนปาล์มเดือดปิดถนนประท้วงรายนี้ มีขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 พ.ค.
ได้มีเกษตรกรชาวสวนปาล์มกว่า 300 คน ใน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี และบางส่วนจาก อ.ละแม จ.ชุมพร นำรถกระบะบรรทุกปาล์มน้ำมันประมาณ 100 คัน จอดปิดถนนเพชรเกษม ขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณสี่แยกหนองนิล ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ พร้อมปราศรัยเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาผลผลิตปาล์มที่ตกค้างจำนวนมาก โดยมีนายสันทัด ณ นคร นอภ. ท่าชนะ คอยสังเกตการณ์ ส่งผลให้เส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯติดขัดเป็นแนวยาว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ และตำรวจทางหลวง ต้องปิดถนนเป็นระยะทาง 20 กม. ก่อนถึงจุดประท้วง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถเลี่ยงไปใช้ เส้นทางอื่น โดยให้เข้าสามแยกวัดพระใหญ่ ต.ประสงค์ วิ่งเลียบชายทะเลไปออกที่สามแยกคันธุลี ต.คันธุลี ส่วนขาล่องให้เลี้ยวเข้าสามแยกคันธุลี สวนกลับไปในเส้นทางเดียวกัน
ส่วนนายสุวิทย์ ไทยเอียด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.คลองพา อ.ท่าชนะ แกนนำผู้ชุมนุม กล่าวว่า
ขอเรียกร้องเสนอรัฐบาล 5 ข้อ คือ 1. ให้ซื้อผลปาล์มที่เกษตรกรนำมาวันนี้ทั้งหมด 2. ให้เร่งซื้อปาล์มของเกษตรกรที่ผลิตออกมาทั้งหมด 3. ซื้อปาล์มในราคาที่เป็นธรรม 4. ให้จัดตั้งองค์กรของชาวสวนปาล์ม อ.ท่าชนะ และ 5. ห้ามนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศ “ขณะนี้ผลปาล์มใน อ.ท่าชนะ ตกค้างขายไม่ได้นานร่วม 1 เดือน มีปริมาณถึง 10,000 ตัน ขณะที่หน้าโรงงานบีบรับซื้อเพียง กก.ละ 2.80 บาท จากปกติ 5 บาท และเปิดรับซื้อเพียงวันละ 3 ชั่วโมง ต้องมานอนรอคิวถึง 2 คืน โดยทางโรงงานอ้างว่าปริมาณปาล์มล้น สกัดไม่ทัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทุกโรงงานจะมีสภาพนี้พร้อมกัน” นายสุวิทย์กล่าว
กระทั่งเวลา 15.00 น. ยังไม่มีตัวแทนหน่วยงานใดเข้ามารับเรื่อง
กลุ่มม็อบได้นำรถกระบะบรรทุกปาล์มอีก 10 คัน เข้าปิดถนนสายไชยา-หลังสวน (สายเลียบชายทะเล) บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลท่าชนะ หมู่ 6 ต.ท่าชนะ ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต รถบรรทุกขนาดใหญ่ผ่านไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องให้รถยนต์เล็ก เลี่ยงไปใช้เส้นทางหมู่บ้านปากน้ำท่ากระจายแทน ส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่ต้องจอดเป็นแถวยาว
ต่อมา นายดำริห์ บุญจริง รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี นายเมธี ณ นคร ปลัดจังหวัด นายเหมวงศ์ ประกอบบุญ เกษตรจังหวัด นายสมพงศ์ อ่อนประเสริฐ พาณิชย์จังหวัดและตัวแทนโรงงาน
เดินทางไปพบกลุ่มผู้ชุมนุมและเจรจาร่วมกับตัวแทน 6 คน ที่ร้านอาหารด้านหลังจุดชุมนุม เบื้องต้นนายดำริห์กล่าวว่า ทางจังหวัดรับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ ของผู้ชุมนุมและให้โรงงานรับซื้อปาล์มทั้งหมดพร้อมรับซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่วนการนำเข้าปาล์มจากประเทศมาเลเซียทางจังหวัดไม่มีนโยบายแน่นอน ส่วนเรื่องราคายังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากตัวแทนต้องการขายปาล์ม กก.ละ 5.50 บาท แต่ทางโรงงานยืนกรานจะรับซื้อในราคา กก.ละ 4.20 บาท การเจรจาใช้เวลาหลายชั่วโมง ยิ่งทำให้การจราจรติดขัดเป็นแนวยาวหลายกิโลเมตร กระทั่งเวลา 20.00 น. ผลการเจรจาได้ข้อยุติทั้งสองฝ่ายคือ โรงงานพร้อมซื้อปาล์มในราคา กก.ละ 4.30 บาท หลังการเจรจาสำเร็จกลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวปล่อยให้รถเดินทางได้ตามปกติ