วานนี้ (30 เม.ย.) นายชัยรัตน์ สงวนชื่น รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก
กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ รถร่วม บขส. และรถร่วม ขสมก.ถึงข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการที่ขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวสูงขึ้นมากว่า ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลถึงต้นทุนของผู้ประกอบการรถโดยสารที่ปรับขึ้น เพราะการปรับราคาค่าโดยสารครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. 2550 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 27.34 บาทต่อลิตร แต่ขณะนี้ราคาปรับขึ้นมา 6.10 บาท อยู่ที่ 33.44 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น คงจะต้องให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะปรับขึ้นค่าโดยสารตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยจะให้ทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชน และรถโดยสารสาธารณะของรัฐ ใช้ต้นทุนเดียวกันในการขึ้นค่าโดยสาร เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันกันเอง และไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ
“ทางกรมการขนส่งทางบก จะขอเวลาในการรวบรวมข้อมูลต้นทุนด้านต่าง ๆ ทั้งตัวรถ ยางอะไหล่ ค่าแรง และจำนวนรถยนต์ที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวี เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงให้มากที่สุด และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ในวันที่ 15 พ.ค. นี้ เพื่อให้เป็นข้อมูลตัดสินใจว่าจะให้ปรับค่าโดยสารขึ้นในอัตราเท่าไหร่ นอกจากนี้จะนำข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการรถโดยสาร เรื่องขอให้ลดต้นทุนจากค่าธรรมเนียม และค่าขาเที่ยววิ่ง เข้าสู่ที่ประชุมด้วย”รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว
ด้านนางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร กล่าวว่า
รู้สึกพอใจที่หน่วยงานภาครัฐเข้าใจในปัญหา โดยตนเคยยื่นหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา และยอมตรึงค่าโดยสารในช่วงวันสงกรานต์และแรงงาน ดังนั้นจึงขอให้ภาครัฐปรับขึ้นค่าโดยสารเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2551 ตามที่ได้มีการยื่นหนังสือไปแล้ว