'หลวงพ่ออลงกต'เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุโต้บทความโจมตี ชี้สื่อต่างชาติมองอย่างอคติ เงินบริจาคเข้าวัด มีชี้แจงทุกเดือนในวารสาร แจงหน้าที่ดูแลผู้ป่วย-เด็กกำพร้า เป็นของมูลนิธิธรรมรักษ์ ส่วนกรณีสร้างศูนย์กีฬา-ทางสลักขึ้นวัด เป็นศรัทธาจากองค์กร-ผู้ศรัทธา ยันยาต้านไวรัสเอสด์ให้ผู้ป่วย รัฐยื่นมือรับผิดชอบอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวมติชน ออนไลน์ รายงานกรณี 'มติชนออนไลน์'
ตีพิมพ์บทความตีแผ่วัดพระบาทน้ำพุเกี่ยวกับการใช้ผู้ป่วยโรคเอดส์ดึงเงินบริจาคเข้าวัดอย่างน่าสงสัย ซึ่งเขียนโดยนายแอนดรูว์ มาร์เชลล์ ผู้สื่อข่าวของ Timeonline จากนิตยสาร Sunday Time เมื่อวันที่ 21 เมษายนนั้น
พระอุดมประชาทรหรือหลวงพ่ออลงกต แห่งพระบาทน้ำพุ ให้สัมภาษณ์พิเศษ 'มติชนออนไลน์' ว่า ก่อนหน้านี้ ได้ทราบเรื่องบทความดังกล่าวมาแล้ว และต้องการชี้แจงในประเด็นดังกล่าวให้ชัดแจ้ง โดยต้องการจะสื่อต่อสาธารณชนว่า เรื่องนี้เป็นการรายงานที่อคติ ใช้เวลาเพียงสั้นๆในการตัดสินชี้นำผู้อื่น และทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วเคยสนทนากับผู้สื่อข่าวรายนี้มาบ้าง และเข้าใจว่า เมื่อบทความทำนองนี้ออกมา ก็ย่อมจะสร้างความอื้อฉาวโด่งดังให้เกิดขึ้นแก่วัดพระบาทน้ำพุ แต่ก็ถือว่า เรื่องเหล่านี้เป็นบทเรียนที่จะต้องจดจำ โดยเฉพาะกรณีคนต่างชาติ ที่พยายามจะยัดเยียดมุมมองของเขาให้แก่ชาวโลก แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและวิถีปฎิบัติของคนไทยอย่างเรา ๆ
'ถ้าหลวงพ่อถามว่า พวกเราเห็นหลวงพ่อมากี่ปี กับนักข่าวคนนี้ ที่เข้ามาเดินดู นู้นนี่แล้วไปตั้งคำถามเขียนนู้นเขียนนี่ สรุปตั้งประเด็น พวกเรารู้จักหลวงพ่อมากกว่านักข่าว มองแบบยุติธรรม' หลวงพ่ออลงกตกล่าว
หลวงพ่ออลงกตกล่าวว่า สิ่งที่รายงานดังกล่าวเขียนมา มีข้อเท็จจริงอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อสังสัยเช่นกัน เนื่องจากนักข่าวผู้นี้มองกันคนละประเด็น เพราะไม่เข้าใจประเพณีวัฒนธรรมการเป็นชาวพุทธ ไม่เข้าใจถึงรูปแบบการบริหารจัดการทางศาสนาหรือแบบของวัด ซึ่งเป็นลักษณะองค์กรพิเศษ รวมถึงต้องเข้าใจสภาพของคนฝรั่งที่เวลาทำอะไรจะต้องมีการแจกแจงรายละเอียดชัดเจน สามารถที่จะตรวจสอบได้
หลวงพ่ออลงกต ยังระบุว่า เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นความผิดพลาดโดยตรงของผู้เขียนบทความที่ไม่ได้ขอเอกสารจากทางวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีรายงานการรับบริจารสรุปรายเดือน พิมพ์ครั้งละ 2 หมื่นฉบับ เผยแพร่ทั่วประเทศ และตัวเลขดังกล่าาวนี้ สามารถขอได้ทันทีโดยทุกเดือนจะมีการแจ้งตัวเลขการบริจาคทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ เรียกว่า วัดไม่จำเป็นต้องมานั่งชี้แจงต่อสาธารณชนแต่ประการใด
หลวงพ่อวัดพระบาทน้ำพุ โวยสื่อต่างชาติบิดเบือน! หวัง ดิสเครดิต โจมตีวัดพุทธ
หลวงพ่ออลงกตกล่าวว่า ขณะที่ประเด็นโจมตีตนในหลายแง่มุม
ถือว่าเป็นเรื่องที่รู้ไม่จริง ไม่สนใจจะขอข้อมูล เพราะประเด็นเรื่องการบริหารดูแลจัดการ หรือระบบภายในวัดพระบาทน้ำพุ เกี่ยวกับโครงการผู้ป่วยเอดส์ หรือโครงการเด็กกำพร้านั้น อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิธรรมรักษ์ ไม่เกี่ยวกับตน ตนมีหน้าที่เพียงจัดหางบประมาณของมูลนิธิว่า แต่ละเดือน จะต้องใช้จ่ายอย่างไรหรือเท่าไหร่ โดยมีหน้าที่เป็นเพียงที่ปรึกษาของทางวัด ทำหน้าที่เป็นผู้อุปถัมภ์ทั้งหมด โดยการเรี่ยไรก็มาจากลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธา
หลวงพ่ออลงกต ชี้แจงว่า ในส่วนของเงินบริจาคนั้น เป็นเรื่องศรัทธาของประชาชนทั่วไปที่มีต่อวัดพระบาทน้ำพุ
ที่ต่างบริจาคให้แก่วัดในค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องผู้ป่วยเอดส์ หรือเด็กกำพร้า แต่รวมทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโลงศพ และสิ่งจิปาถะอื่น ๆ โดยศรัทธาเหล่านี้มาจากการที่ตนได้เคยประโคมข่าวว่า ทางวัดอาจต้องปิดตัวลง เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายเพียงพอที่จะจัดการกับภาระใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลทั้งหมด
'ต้องรู้ว่าเงินที่เข้าวัดไม่ใช่เงินที่ได้มาจากเจตนาที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ทั้งหมด แต่ต้องมีรายจ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าโลงศพ แต่ในหมวดการดู แลผู้ป่วย วัดไม่ได้เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการ อยากให้เข้าใจแตค่นี้เรื่องก็จบ' หลวงพ่ออลงกตเผย
เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการสร้างศูนย์กีฬามูลค่า 16 ล้านบาท และการสลักทางปฎิบัติขึ้นเป็นจำนวน 8 ล้านบาท
ที่ผู้เขียนชี้ว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวัดหรือไม่นั้น หลวงพ่ออลงกตชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นการบริจาคโดยตรงจากผู้มีจิตศรัทธา โดยศูนย์กีฬาดังกล่าวจริงๆ มีมูลค่า 16 ล้านบาท สร้างโดยมูลนิธิฮอนด้า แห่งประเทศไทย ที่แจ้งความประสงค์มาโดยตรง
'หลวงพ่อไม่ได้ไปสร้างเองเมื่อไหร่ แต่เค้าคิดว่า เงินนี้ จะเป็นเงินเอาไปช่วยผู้ป่วยเหรอ ถ้าเป็นเงินเอาไปช่วยผู้ป่วย หลวงพ่อผิด และต้องโดนทำโทษ เพราะอะไร ไปใช้เงินเค้าผิด เค้ามีเจตนาโดยตรงที่จะให้สร้างตรงนี้' หลวงพ่ออลงกตกล่าวและยืนยันว่า ส่วนทางสลักทางขึ้นวัดก็ถูกสร้างโดยผู้มีจิตศรัทธาภายนอกเช่นกัน ตรงนี้มีเจ้าภาพสร้างหมด เป็นการเอาเงินบริจาคมาสร้าง แต่ละขั้นๆ มีเจ้าภาพรับผิด ชอบ และตนเป็นผู้ดู แลเรื่องนี้ แต่ไม่เคยใช้เงินวัด เป็นการสร้างซึ่งเกิดมาจากความศรัทธา
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ระบุว่ามีรายได้เฉลี่ย 4-5 ล้านบาท นั้น หลวงพ่ออลงกตยืนยันว่า
เป็นความจริง แต่ก็ถือว่า พอ ๆ กับค่าใช้จ่าย และทางการวัดไม่ได้มีเงินเหลือเก็บมากมาย ขณะที่เรื่องยาที่บทความบอกว่า ทางวัดไม่เคยจัดหาให้แก่ผู้ป่วยเอดส์ ทั้งที่มีรายได้เป็นจำนวนมากนั้น ถือเป็นการเข้าใจอย่างคลาดเคลื่อนอย่างมาก เพราะเรื่องยารัฐบาลเป็นฝ่ายดูแลอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คตรวจสอบเป็นประจำว่า จะต้องจัดหายาให้แก่ผู้ป่วยเท่าไหร่ เรื่องนี้วัดไม่เคยต้องไปจัดการ เพราะรัฐบาลทำให้อยู่แล้ว
ขณะที่เรื่องค่าจ้างบุคลากรภายในวัดพระบาทน้ำพุนั้น ยืนยันว่า ทางการจ่ายเป็นเงินเดือนคนละไม่ต่ำกว่า 7,500 บาท โดยยอมรับว่า ทางวัดมีบุคลากรไม่เพียงพอ แต่สาเหตุเพราะไม่มีใครอยากมาสมัครมาเอง โดยวัดก็พอมีทุนที่จะเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ แต่ไม่มีคนมาสมัคร ก็เท่านั้นเอง