นายประสงค์เล่าต่อว่า สักพักไม่ถึง 5 นาที นายสมเกียรติกับนายดุสิตหันมาตะโกนบอกว่า
เด็ก 3 คนย้อนกลับมาอีกแล้ว พาพวกมาด้วยเกือบ 30 คน และบอกให้พวกตนแยกย้ายกันเข้าไปหลบในบ้าน ซึ่งปลูกติดๆกันอยู่ในกลุ่มเครือญาติ รวม 5 หลัง โดยนายสมเกียรติกับนายดุสิตวิ่งตามตนเข้ามาในบ้าน หลังจากปิดประตูซึ่งเป็นประตูเหล็กบานทึบแล้ว ได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาว่า “กูคู่นรก แบงก์ เบิร์ด วัดใหญ่ ใครมีปัญหาไปเจอได้หลังวัด” ตามมาด้วยเสียงปืน ซึ่งเหมือนยิงจากปืน 2 กระบอก ดังตามมาเป็นชุด กระสุนทะลุประตูเหล็กเข้ามาถูกนายดุสิตที่กลางหลัง 2 นัด กระสุนฝังใน นอกจากนั้น ข้าวของในบ้านทั้งกระจก พัดลม กรอบรูป ผนังบ้าน โต๊ะวางเครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกยิงได้รับความเสียหาย นางมณี มารดา อายุ 80 ปี และญาติอีกคนที่เป็นอัมพาต ต้องหลบกระสุนปืนลงไปอยู่ใต้เตียง
นายประสงค์เล่าถึงนาทีระทึกต่อไปว่า
เมื่อเห็นนายดุสิตถูกยิง จึงรีบโทรศัพท์แจ้ง 191 ครู่เดียวมีตำรวจ สน.บางยี่เรือ 3 คน มาดูที่เกิดเหตุ และก็โดนพวกวัยรุ่นล้อมกรอบ ขว้างด้วยขวด ก้อนหิน ต้องหลบเข้ามาอยู่ในบ้านตน พร้อมกับวิทยุขอกำลังเสริม แต่เมื่อกำลังเสริมมาถึง พวกที่จับกลุ่มรุมล้อมอยู่หน้าบ้านตนกลับหายหัวไปหมด ตนกับญาติๆจึงรีบนำตัวนายดุสิตส่งโรงพยาบาลธนบุรี 1 แพทย์ผ่าตัดเอาหัวกระสุนปืน ขนาด 11 มม. ออกมา ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว
อาจารย์ทำขลุ่ยชื่อดังเปิดเผยต่อว่า
หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมบูรณ์ ปัทมะทิน พงส. (สบ2) สน.บางยี่เรือ และตำรวจฝ่ายสืบสวนมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมค้นบ้านตน บอกว่าสงสัยจะมีปืนและยังถามว่ายิงใส่ฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า ตนบอกไปว่าไม่มีปืนมีแต่ขลุ่ย และที่บ้านมีก็แต่คนแก่ ส่วนที่พวกนั้นพกปืนมาด้วยอาจจะเป็นเพราะย่านนี้มีพวกแก๊งยาบ้าปล้นกันเองบ่อยครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 เปิดเผยว่า
ได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.วิชัย สนสกุล สว.สส.สน. บางยี่เรือ ว่า คดีนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน เบื้องต้นจะขอหมายจับนายอั้ม เป๋ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ก่อน ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น สำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้ตามแนวทางสอบสวนทราบว่า เป็นสมุนของนายสุเทพ บุญกระจ่าง หรือตั้ม เป๋ หัวโจกค้ายาบ้ารายใหญ่ในย่านฝั่งธนฯ ซึ่งถูกตำรวจชุดเฉพาะกิจ บก.น.8 จับกุม เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นในช่วงเดือน ก.พ. ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่เรือ ล่อซื้อจับกุมยาบ้าจากสมุนตั้ม เป๋ ได้ 1 คน ยังถูกกลุ่มผู้ต้องหาโทรศัพท์ไปขู่ จะเอาอาวุธสงครามไปยิงถล่มโรงพัก และประกาศท้ายิงกับตำรวจ บก.น.8 ทุกนาย
ส่วนกรณีแก๊งมอเตอร์ไซค์ไล่ยิงถล่มคู่อริในท้องที่ สน.ยานนาวา และตามไปยิงถล่มซ้ำกลุ่มเพื่อนคนเจ็บที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 เม.ย. พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวานิช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี หลังการประชุม พล.ต.ต.จุตติเปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มวัยรุ่นคู่อริ บริเวณซอยสันติ 4 ย่านถนนจันทร์ แล้วตามไปยิงที่หน้าโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน ล่าสุดมีเสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือนายธงชัย อุษสันต์ อายุ 27 ปี ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณหน้าอก และตอนนี้ตำรวจทราบแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด ขณะนี้กำลังจะขออนุมัติหมายจับจากศาล อาญากรุงเทพใต้
ด้าน พล.ต.ต.สาโรจน์เปิดเผยว่า
ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้บาดเจ็บ และพยานที่เห็นเหตุการณ์ ไปแล้ว 10 ปาก ทำให้ทราบแล้วว่าคนร้ายที่มาก่อเหตุยิงหน้าโรงพยาบาล คือนายเอ๋ หรือโนว่า กูลเกียรติ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/2 ถนนเชื้อเพลิง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. มีหมายจับคดีจำหน่ายและครอบครองยาบ้า อยู่ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 49 นอกจากนี้ยังมีคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุอีก 3 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ
สำหรับเหยื่อกระสุนปืนจากเหตุแก๊งเด็กแว้นไล่ ถล่มคู่อริ ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 8 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 3 ราย มีนายเฉลิมชัย อัลดุลเราะ อายุ 28 ปี นายศักดิ์รินทร์ กัณยะคำ อายุ 19 ปี และนายเต็บ โพธิ์ศรี อายุ 63 ปี โรงพยาบาลเลิดสิน มี 2 รายคือ นายณัฐพล ศรีโรจน์รัตน์ อายุ 24 ปี และนายดิศรณ์ ยังคงวิรัชพร อายุ 23 ปี โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ มี 1 รายคือ น.ส.สุดา สมบัติวัฒนา ไม่ทราบอายุ และที่วชิรพยาบาล มี 2 รายคือ นายนฤดล สะอาดจิตต์ และนายจตุพล โอภาพิพัฒน์ ไม่ทราบอายุ