ตะลึงปิดเทอมใหญ่แค่เดือนเดียวทำเด็กอ้วนขึ้นเกือบ2 กิโลกรัม เหตุมีพฤติกรรมกินตามใจปาก บริโภคของหวาน ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม แถมพ่อแม่ตามใจให้กินของหวานเต็มที่ แพทย์เตือนหากไม่เร่งดูแลอาจเสี่ยงโรคติดต่อที่รักษายาก แถมการเจริญเติบโตอาจชะงักลง หวั่นช่วงปิดเทอมอีก 2 เดือนอาจทำเด็กอ้วนขึ้น 4 กิโล
ปัญหาเด็กมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากการบริโภคที่ไม่ถูกหลักดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองไม่คอยให้ความสนใจ และละเลย
เนื่องจากเห็นว่าเด็กมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม เมื่อผลวิจัยออกมายืนยันว่า เด็กที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากการบริโภคตามใจนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมาได้ ล่าสุดพบว่าจากพฤติกรรมการกินดังกล่าวทำให้เด็กมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 2 กิโลกรัม ในช่วงปิดเทอมใหญ่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น
เมื่อวันที่3 เมษายนที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานแถลง ปิดเทอมใหญ่หัวใจพ่อ-แม่ว้าวุ่น
นายพเนศ ต.แสงจันทร์ผู้อำนวยการโรงเรียนแสงวิทยา จ.สระบุรีเปิดเผยว่า จากการทำวิจัยพฤติกรรมของเด็กช่วงปิดเทอมในเดือนตุลาคม พ.ศ.2550 ด้วยการสุ่มตัวอย่างผู้ปกครองและเด็กอนุบาล-ม.3 จำนวน1,300 คน พบว่าช่วงปิดเทอม 1 เดือนน้ำหนักของเด็กเพิ่มมากขึ้นโดยเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัมสูงสุดเกือบ 2 กิโลกรัมแยกย่อยเป็นอนุบาลน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1.39 กิโลกรัมป.1-ป.3 เพิ่ม1.52 กิโลกรัมป.4-ป.6 เพิ่มขึ้น1.60 กิโลกรัมและ ม.ต้น1.89 กิโลกรัมซึ่งไม่สัมพันธ์กับส่วนสูงที่ไม่เพิ่มขึ้นเลยในช่วงปิดเทอม
ผู้อำนวยการโรงเรียนแสงวิทยากล่าวอีกว่าส่วนหนึ่งเนื่องจากช่วงปิดเทอมผู้ปกครองส่วนใหญ่ให้เด็กรับประทานข้าวเหนียวหมูปิ้ง และก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารเช้า เพราะง่ายต่อการจัดหา
แต่ก๋วยเตี๋ยวที่เด็กรับประทานโดยเฉพาะเด็กอนุบาล จะรับประทานแต่เส้น ไม่รับประทานผักหรือสัตว์ จึงได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน แต่ได้รับเฉพาะคาร์โบไฮเดรตเท่านั้น ขณะที่อาหารมื้ออื่นผู้ปกครองต้องทำงานนอกบ้าน จึงให้เงินบุตรหลานไว้ซื้ออาหารรับประทานเองตามอัธยาศัย เด็กส่วนใหญ่เกือบ 70% เลือกซื้ออาหารกินกรุบกรอบและน้ำอัดลมส่งผลให้เป็นการเสริมความอ้วนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กลายเป็นเด็กอ้วนสุขภาพอ่อนแอ