"เห็นเด็กเล็กๆ พ่อแม่นั่งอ่าน หรือบางทีก็เข็นรถที่เต็มไปด้วยหนังสือ หรือถือถุง ผมมีความสุขมาก เมื่อเทียบกับเห็นคนช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า"
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
กล่าวรณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคการอ่านหนังสือ และเชิญชวนเข้าร่วมงานงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 6 (Bangkok International Book Fair 2008) และงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 36 (36th Nation Book Fair) ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคม และ 26 มีนาคม-7 เมษายน 2551 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กับผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ว่า โดยส่วนตัวแล้ว ตนไปงานสัปดาห์หนังสือทุกครั้ง เพราะเชื่อว่า การศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คนมีสติปัญญา ทำให้คนหรือสังคมมีการพัฒนา
อภิรักษ์ กล่าวว่า งานสัปดาห์หนังสือ เป็นงานที่ดีที่มีการวบรวมหนังสือหลากหลายแนว ซึ่งล้วนแล้วมีสาระประโยชน์มากๆ มารวมกัน
โดยช่วงหลังตนก็เห็นการเปลี่ยนแปลงว่า คนไทยนิยมไปงานสัปดาห์หนังสือมากขึ้น แม้ก่อนหน้านี้ผลการสำรวจโดยเฉลี่ยพบว่า คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อปี แค่ 7 บรรทัด เท่านั้น ซึ่งตรงนี้คิดว่า อาจจะไม่ค่อยเป็นธรรม เพราะถ้าเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบกับคนเมืองด้วยกัน เนื่องจากผลที่ออกมาเป็นการเอาค่าเฉลี่ยของคนไทยทั้งประเทศมาวัด ก็เลยดูน้อย แต่ถ้าเทียบกรุงเทพฯ กับโตเกียว หรือสิงคโปร์ ก็คิดว่า ไม่น่าจะมีความแตกต่างเยอะ
"ผมคิดว่าการอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนมีความรู้ที่หลากหลาย โดยส่วนตัวผมอ่านหนังสือทุกประเภท ไม่ได้เน้นว่า จะต้องอ่านหนังสืออะไร เพราะการที่เรามีความรอบรู้ก็เป็นประโยชน์ และถ้ามองอีกมุมหนึ่ง นอกเหนือจากให้ความรู้ ให้สติปัญญาแล้ว ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนด้วย " ผู้ว่าฯกทม. กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ สิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดคือเด็กและเยาวชนที่นิยมหันไปเล่นเกมส์
ผ่านทางอินเตอร์เน็ตและสนใจเปิดดูเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมต่างๆ ซึ่งตนคิดว่าการอ่านหนังสือจะช่วยฝึกนิสัยอย่างหนึ่ง คือ ช่วยในเรื่องของการเป็นคนมีสมาธิ เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การดู ทีวี นั้นส่งผลให้เด็กเป็นคนมีสมาธิสั้น ทั้งนี้ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตนอยากจะสนับสนุนให้เด็กหรือคนรุ่นใหม่ไปอ่านหนังสือ
เมื่อถามถึงสถานที่ในการจัดงานสัปดาห์หนังสือ ที่ศูนย์การปรนะชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่าปัจจุบันมีความคับแคบมาก
เนื่องจากจำนวนผู้คนให้ความสนใจไปร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ช่วงหลังต้องยอมรับว่าค่อนข้างคับแคบ แต่ถ้ามองในมุมบวกคือ คนไปเยอะเลยดูแน่น อีกอย่าง คือ สะดวกเพราะมีรถใต้ดิน และเป็นใจกลางเมืองด้วย แต่สิ่งที่ตนรู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ เวลาเดินเข้าไปแล้วเห็นภาพคนนั่งอ่านหนังสือกับพื้น ซึ่งดูแลแล้วมีความสุขมาก
"เห็นเด็กเล็กๆ พ่อแม่นั่งอ่าน หรือบางทีก็เข็นรถที่เต็มไปด้วยหนังสือ หรือถือถุง ผมมีความสุขมาก เมื่อเทียบกับเห็นคนช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า ซึ่งผมพูดตรงๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นดัชนีชี้วัดมาตรฐานความเจริญของคนเมือง เวลาคนชอบไปห้องสมุด เวลาคนชอบไปอ่าหนังสือ และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่กทม. ได้พยายามส่งเสริมโดยเฉพาะห้องสมุด รุปแบบใหม่ การส่งเสริมในรูปแบบการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานการเรียนในโรงเรียน หรือแม้แต่การจัดกิจกรรม การส่งเสริมการอ่านนิทานในสวน การจัดกิจกรรมต่างๆ" ผู้ว่าฯ กทม. เผย