เป็นเณรคลั่งอวิชชาได้รับฉายาเณรแอ 2 ตร.เต้นจ่อหมายจับ
ตร.จ่อออกหมายจับจอมขมังเวทย่างทารกทำกุมารทอง ที่แท้ฝีมือเณรคลั่งอวิชชาหลังเกิดเหตุเผ่นหนีออกจากวัดไปแล้ว เผยพฤติกรรมชื่นชอบไสยศาสตร์มนต์ดำ ถึงขนาดตั้งตนเป็นผู้มีวิชาอาคม จนชาวบ้านขนานนาม “เณรแอ 2” มักทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง และสักยันต์น้ำมันให้วัยรุ่นเป็นประจำ พระผู้ใหญ่ว่ากล่าวตักเตือนหลายครั้งก็ไม่ฟัง ขณะที่ ตร.ยังรอผลนิติเวชว่าเด็กตายก่อนหรือหลังถูกนำมาทำกุมารทอง
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า
พบศพเด็กทารกแรกเกิดวัยเพียง 1-2 เดือน เบื้องต้นไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นศพเด็กเพศชายหรือหญิง ถูกนำมาวางบนจานตากแดดอยู่ภายในวัด บุปผาราม หมู่ 6 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สภาพศพนอนหงายคอบิดมาทางไหล่ขวา มือทั้งสองข้างกุมหน้าอก ขาทั้งสองข้างบิดงอ ศพเริ่มดำและเริ่มแห้งแต่ไม่มีกลิ่นเหม็น มีแป้งขาวโรยทั่วตัว จากการสอบสวนพระเณรภายในวัด ไม่มีใครทราบว่าศพเด็กทารกมาจากไหน และใครนำมาวางไว้ เจ้าหน้าที่จึงนำศพเด็กส่งไปชันสูตรที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมสืบหาว่าเป็นลูกของใคร เบื้องต้นสันนิษฐานว่าถูกผู้ที่นิยมในวิชาอาคมมนต์ดำ ขุดมาจากป่าช้านำมาเผาย่างไฟ แล้วผึ่งแดดให้แห้งเพื่อทำเป็นกุมารทอง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 25 มี.ค.
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดบุปผาราม พบพระคำปัน ชยวังโส พระผู้ใหญ่ของวัด ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า คนที่นำศพทารกมาตากแดดคือ สามเณรเอก (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี โดยสามเณรเอกบอกกับอาตมาว่า ได้นำศพเด็กทารกทำพิธีกุมารทองตามตำราเขมร แต่ไม่ได้บอกว่านำศพทารกมาจากไหน อย่างไร โดยสามเณรเอกนำศพมาใส่ขวดโหลทิ้งไว้ จากนั้นได้นำออกมาตากแดดเพื่อให้ผิวแห้ง แต่มีชาวบ้านมาพบและแจ้งตำรวจเสียก่อน ซึ่งหลังเป็นข่าวครึกโครมสามเณรเอกได้หลบหนีออกจากวัดไปแล้ว
พระคำปัน เปิดเผยด้วยว่า
สามเณรเอกเพิ่งมาจำพรรษาที่วัดได้เพียง 1 พรรษา โดยมีพฤติกรรมด้านไสยศาสตร์มนต์ดำ ชอบร่ำเรียนด้านคาถาอาคม ถึงขนาดตั้งตนเป็นผู้มีวิชาอาคม จนชาวบ้านในพื้นที่ตั้งฉายาว่า “เณรแอ 2” มักจะทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังภายในวัดหลายครั้ง และสักยันต์น้ำมันให้กับวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางวัดได้เคยว่ากล่าวตักเตือนไปแล้วหลายครั้ง และขอร้องให้ไปทำนอกวัด จนล่าสุดมาเกิดเรื่องเมื่อนำศพเด็กทารกมาตากแดดเพื่อทำกุมารทอง
ทางด้าน พ.ต.ท.เชาว์ เดชะ สารวัตรเวร สภ.สารภี เจ้าของคดีฯ เปิดเผยว่า
สำหรับคดีนี้คงต้องรอผลพิสูจน์จากทางแผนกนิติเวช รพ. มหาราชนครเชียงใหม่ ยืนยันว่าเป็นเด็กที่ไหน ตายก่อนหรือหลังตากแดด ซึ่งจะได้เรียกสอบพยานบุคคลทั้งหมด เพื่อหาข้อเท็จจริงให้แน่ชัดอีกครั้ง ส่วนที่ทางวัดออกมาบอกว่าสามเณรเอกเป็นคนทำนั้นจะทำการสอบสวน ถ้าพบว่าจริงก็จะออกหมายจับต่อไป
ขณะที่ นายจำลอง กิติศรี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า
การทำกุมารทองโดยการนำเด็กมาย่างตากแดด เป็นลักษณะ “โลกวัชชะ” คือโลกติเตียน สังคมติเตียน ไม่ใช่หนทางสู่พระนิพพานตามหลักคำสอน ของพระพุทธศาสนา และไม่ใช่กิจของพระสงฆ์ พวกนี้เป็นอวิชชาที่ไม่ควรทำ ทางคณะสงฆ์ จ.เชียงใหม่ ไม่มีนโยบายให้ประกอบพิธีกรรมเช่นนี้ จึงอยากขอฝากไว้ว่าถ้าพระสงฆ์รูปใดกระทำการเช่นนี้ ตนจะนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับและให้สึกทันที โดยจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด.