เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายเอ็ดวินด์ วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า อยู่ที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ว่า
มูลนิธิฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ที่เดินทางไปเข้าชมสวนสัตว์ซาฟารีปาร์ค อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ว่า ขณะนี้สภาพของสัตว์ในสถานที่แห่งนี้ ไม่ร่าเริงมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะสิงโตมีสภาพผ่ายผอม จนเห็นหนังหุ้มกระดูก ไม่มีวี่แววของเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่กวางดาว กวางรูซ่า กวางฟอลโลว์ เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ขนหลุดเป็น กระจุกเหมือนเป็นขี้เรื้อนทั้งตัว แต่ละตัวมีสภาพหิวโหย อดโซ
เมื่อมีรถนักท่องเที่ยวแล่นเข้าไป สัตว์เหล่านี้จะเข้ามารุมล้อมรถ เพื่อแย่งกันกินอาหาร
ขณะที่บางตัวมีสภาพอ่อนเพลีย ไม่ยอมกินอาหาร ร่างกายซูบผอม เท่าที่สอบถามจากเจ้าหน้าที่สวนสัตว์แห่งนี้ ทราบว่าไม่มีงบประมาณค่าอาหาร จึงต้องใช้เงินค่าผ่านประตูที่มีอย่างจำกัด เจียดไปซื้ออาหารบางส่วน และอีกส่วนเป็นค่าจ้างคนงาน ขณะที่มูลนิธิฯ พยายามติดต่อเพื่อหาทางช่วยเหลือ ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด ภายในสัปดาห์หน้าจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบสภาพของสัตว์เหล่านี้ เพื่อหาทางช่วยเหลือ
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปสังเกตการณ์ บริเวณสวนสัตว์ซาฟารีปาร์ค
ตั้งอยู่เลขที่ 40/2 หมู่ 5 ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า บรรยากาศตั้งแต่ประตูทางเข้าด้านหน้า จนถึงบริเวณจำหน่ายตั๋วและอาหารสัตว์เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ป่าที่น่าสงสารเหล่านี้ เมื่อทดลองนั่งรถบัสของสวนสัตว์เข้าไปยังโซนต่างๆ ประกอบด้วย โซนกวางฟอลโลว์ โซนหมีควาย โซนกวางแบ็คบัค โซนเสือโคร่ง โซนสิงโต โซนควายไบซัน โซนสารพัดกวาง อาทิ กวางดาว กวางม้า กวางรูซ่า และโซนสุดท้าย มีสัตว์ประกอบด้วย ยีราฟ ม้าลาย นกกระจอกเทศ นกฟลาเมงโก อูฐ
ปรากฏว่าเมื่อเห็นรถบัสวิ่งผ่านไป สัตว์เหล่านั้นจะตรงรี่เข้ามารุมล้อมรถ เพื่อแย่งกินอาหาร ขณะที่กวางรูซ่า กวางฟอลโลว์ ส่วนใหญ่ขนที่เคยสวยงามก็หลุดเป็นกระจุก ลำตัวกระดำกระด่างเป็นจุดๆ สภาพเหมือนเป็นกวางขี้เรื้อน ส่วนสิงโต สภาพร่างกายผ่ายผอม มองเห็นเนื้อหุ้มกระดูก ไม่เหลือเค้าความเป็นสัตว์เจ้าป่าแต่อย่างใด
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางพรกนก ประสพสุขโชคมณี รองประธานกรรมการ บริษัทสวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค ว่า เดิมมีอาชีพทำเหมืองพลอย ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ฐานะเข้าขั้นเศรษฐี
กระทั่งธุรกิจเหมืองพลอยเริ่มอิ่มตัวในปี 2537 จึงหันเหไปเปิดสวนสัตว์ซาฟารีปาร์ค ลงทุนซื้อที่ดินและซื้อสัตว์ชนิดต่างๆ มาไว้เกือบ 400 ตัว ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท ระยะแรกกิจการไปได้ดี มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศมาเที่ยวจำนวนมาก ทำรายได้วันละหลายหมื่นบาท กระทั่งเจอมรสุม ถูกพนักงานฝ่ายบัญชีโกงเงินไปหลายสิบล้านบาท ส่งผลให้สวนสัตว์ประสบภาวะขาดทุนมาตลอดตั้งแต่นั้น ต้องควักเงินทุนที่มีอยู่มาพยุงสวนสัตว์ไม่ให้ล้ม แต่สถานการณ์ก็เลวร้ายมากขึ้น นักท่องเที่ยวหดหาย แต่ละวันแทบไม่มีคนเข้าชมสวนสัตว์ โดยเฉพาะทัวร์จีน เกาหลี ไต้หวัน หายเกลี้ยง เนื่องจากไม่มีเงินไปวางมัดจำให้บริษัททัวร์
นางพรกนก กล่าวต่อว่า ค่าผ่านประตูคิดคนละ 120 บาท ซึ่งรายได้ไม่แน่นอน
บางวันไม่มีคนมาเที่ยว บางวันได้ 500 บาท 800 บาท หรือถ้าฟลุกๆ จะได้ค่าผ่านประตูเกือบ 3 พันบาทต่อวัน ขณะที่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน 58 ครอบครัว ที่อยู่กันมาตั้งแต่ทำกิจการพลอยเป็นรายสัปดาห์ อัตราการจ่ายตั้งแต่ 100-1,000 บาทต่อครอบครัว แต่ทุกคนก็ยอมรับสภาพ รายได้อีกส่วนใช้เป็นค่าอาหารที่สูงถึงวันละ 2 หมื่นบาทต่อสัตว์ 360 ตัว จึงทำได้เพียงแค่ให้สัตว์มีอาหารกินพอประทังชีวิตเท่านั้น
อย่างสิงโตมีสภาพร่างกายผ่ายผอมมาก ปกติต้องกินเนื้อมื้อละไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม ก็เปลี่ยนมาให้กินโครงไก่เป็นหลัก
หรือแม้แต่กวางชนิดต่างๆ ต้องให้กินข้าวโพดเพื่อประทังชีวิต ทุกวันนี้ต้องแบกรับภาระขาดทุนเดือนละนับแสนบาท เป็นหนี้สินหลายสิบล้านบาท ยอมรับว่าทุกวันนี้ถังแตก สวนสัตว์แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนสวนสัตว์ที่ โลกลืม หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือช่วยเหลือก็ยินดี หากพยุงสวนสัตว์ไว้ไม่ไหว คงต้องขายทิ้งนำเงินไปใช้หนี้
ซาฟารีปาร์คเจ๊ง สัตว์อดโซหนัก
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!