ผู้บังคับบัญชาเหยื่อตร.ปืนดุ ยัน ตร.ใช้ปืนขู่ขวางนำลูกน้องส่ง รพ.นานครึ่งชม. ขอร้องยังไม่ยอม สุดท้ายลูกน้องตายต่อหน้าต่อตา เห็นคาตาใช้เท้าเขี่ยปืนออกจากเอวมาวางใกล้มือขวาหวังอำพรางคดี ขณะที่พยานอีกหลายคนยืนยันตรงกัน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สุดเลือดเย็น ปืนขู่ห้ามไม่ให้นำคนเจ็บส่งหมอ มั่นใจหากส่ง รพ.รอดตายแน่
ดูเหมือนว่าคดีที่ ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ตำรวจ สน.ประชาชื่น ยิง ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี ทหารจนเสียชีวิตก่อนหน้านี้ ยังคงมีข้อกังขาของหลายๆ ฝ่าย
โดยเฉพาะกรณีตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ตรวจสอบความชัดเจนจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุมายืนยันอีกครั้ง
ร.ต.พิเชษฐ์ พิมพ์ทอง ทหารสังกัดกรมยุทธบริการทหาร ผู้บังคับบัญชา ส.ต.ชัยวุฒิ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ยอมรับว่า
รู้สึกสะเทือนใจมากที่ ส.ต.ชัยวุฒิต้ องมาตายต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่ได้ช่วยเหลือน้องเลย และเขาก็ไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือตัวเองแม้แต่จะคิดต่อสู้
"ตอนเกิดเหตุเขากำลังจะถอยรถจักรยานยนต์ มือซ้ายกำข้าวเหนียวแน่น ส่วนมือขวาไม่แน่ใจว่าถือโทรศัพท์หรือกำแฮนด์รถอยู่ ตอนที่ถูกยิงผมต้องการช่วยชีวิตเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะตำรวจเอาปืนจ่อเล็งมาที่ผม โดยบอกว่าห้ามยุ่งและส่ายปืนไปมาข่มขู่ไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บ เวลาในช่วงนั้นผมเองก็สองจิตสองใจ หากว่าผมคิดต่อสู้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเขาใช้ปืนจ่อเล็งมาที่ผมตลอด โดยฝ่ายตำรวจปล่อยเวลาผ่านไปประมาณ 20-30 นาที ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะถือปืนส่ายไปมาไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือ แม้พยายามขอร้องตำรวจคนนั้น ให้ช่วยนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลก่อน ส่วนคดีค่อยว่ากันภายหลังแต่ก็ไม่เป็นผล" ร.ต.พิเชษฐ์ กล่าว
พร้อมยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้ชักปืนขึ้นมาต่อสู้แน่นอน
เพราะปืนของเขาอยู่ด้านหลัง หลังจากถูกตำรวจยิงแล้วก็ถูกตำรวจเปิดพบปืน จากนั้นเขาก็ดึงซองปืนออกมาจากเอวของน้องผม ก่อนใช้เท้าเขี่ยให้มาอยู่ไกล้ๆ กับมือขวาเพื่ออำพรางคดี ผมนอนไม่หลับทั้งคืน อยากจะขอความเป็นธรรมให้น้องด้วย" นายทหารที่เห็นเหตุการณ์ระบุ
ร.ต.พิเชษฐ์กล่าวด้วยว่า
ก่อนที่ ส.ต.ชัยวุฒิจะถูกยิงตายนั้น ไม่ทราบว่าเขาเดินมาจากไหน แต่เมื่อมาทราบว่ามีเหตุการณ์ที่รุนแรง เขาก็เข้าไปถามเพราะไม่แน่ใจว่าคนที่กระทำรุนแรงเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ซึ่งตำรวจก็บอกว่า มึงเป็นใครมายุ่งกับกู ส.ต.ชัยวุฒิ ก็บอกไปว่าเป็นประชาชนธรรมดา แต่ทำไมต้องกระชากใช้ความรุนแรงกับเขาด้วย สักพักตนก็ได้เดินตามเข้ามาเพื่อระงับเหตุ โดยบอกตำรวจว่า พวกตนทั้งคู่เป็นทหาร แต่ตำรวจได้บอกว่า ส.ต.ชัยวุฒิ เข้ามาขัดขวางการจับกุม จึงบอกว่าให้ตำรวจแสดงตัว เขาก็แสดงบัตรและก็โชว์ปืนให้เห็น ส่วนตำรวจอีกคนก็ได้ขยับให้ดูเห็นเหมือนตราโล่ตำรวจ
"เมื่อเขาโชว์ปืนน้องผมก็บอกตำรวจไปว่า นี่นายทหารทำไมต้องโชว์ปืนแบบนี้ด้วย ไม่ให้เกียรติกันนี่หน่า ตำรวจก็บอกว่าไม่เกี่ยวกัน เมื่อเห็นดังนั้นก็เลยบอกว่าเมื่อคุณเป็นตำรวจก็โอเค จึงบอกให้น้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงาน จากนั้นน้องผมก็ได้เดินหนีออกไป ก่อนถูกตำรวจตามไปยิงจนเสียชีวิต" ร.ต.พิเชษฐ์ กล่าว
นายสำเนียงคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณจุดเกิดเหตุเล่าว่า
เห็นเหตุการณ์ตอนยิงชัดเจน ซึ่งทหารเดินเข้ามาซื้อหมูปิ้งแล้วเดินกลับไปที่รถจักรยานยนต์ ระหว่างที่ขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ เห็นตำรวจถือปืนเดินเข้ามา พร้อมตะโกนบอกฝ่ายทหารว่า อย่าเพิ่งไป เมื่อทหารหันหน้ามามองตำรวจก็ยิงเลยทันที ระยะไม่เกิน 2 เมตร หลังจากยิงแล้วตำรวจอีกคนก็วิ่งตามเข้ามาจับหัวทหารอีกคนหนึ่งกดลงไปกับพื้น พร้อมกับถือปืนส่ายไปมา
"ตอนนั้นทหารที่ถูกยิงยังไม่ตาย มือข้างซ้ายยังกระดิกอยู่ ขาข้างหนึ่งถูกทับด้วยจักรยานยนต์ พร้อมพูดขอให้ช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ไม่มีใครกล้าช่วยทั้งที่มีคนเห็นเหตุการณ์ประมาณ 400-500 คน แต่ละคนงงไม่มีใครคาดว่าตำรวจจะกล้ายิง จากนั้นตำรวจคนเดิมได้ใช้เท้าเขี่ยที่เสื้อ พร้อมใช้นิ้วมือเขี่ยซองปืนทำให้ปืนหลุดออกจากเอว ก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยปืนออกจากซองให้อยู่ใกล้กับมือผู้ตาย คิดว่าหากนำเขาส่งโรงพยาบาลทหารคนนั้นคงจะไม่ตาย" นายสำเนียง กล่าว
เช่นเดียวกับนายประมาณ หนึ่งในคนขายซีดีแผงที่ถูกจับกุม ยืนยันว่า
ช่วงที่มาจับตนก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นตำรวจหรือไม่ เพราะแต่งนอกเครื่องแบบ เขาพยายามจะจับตนกดลงกับพื้น แต่ขัดขืนเพราะขาเจ็บ จากนั้นก็ใส่กุญแจมือ สักพักผู้ตายได้เดินเข้ามาพูดคุยกับตำรวจ ทำให้ตำรวจไม่พอใจมีการโต้เถียงกัน ฝ่ายผู้ตายไม่ได้พูดจาหยาบคาย แต่เป็นเหมือนการสอบถามปกติ โดยผู้ตายได้แสดงตัวว่าเป็นทหาร แต่ฝ่ายตำรวจระบุว่าไม่เกี่ยวกัน อย่ามายุ่ง หลังโต้เถียงกันได้พักหนึ่ง ผู้ตายได้เดินออกไป ขณะที่ฝ่ายตำรวจก็เดินตามออกไปทันที สักพักก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทำให้ตำรวจที่คุมตัวตนอยู่เดินออกไปดูเหตุการณ์ ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้มาก เพราะเรื่องน่าจะจบตั้งแต่ตอนที่จับตนแล้ว