หลังเกิดเหตุการณ์ พบฝูงตัวเรือดซ่อนตัวอยู่ในเบาะกำมะหยี่และพื้นรถด่วนพิเศษดีเซลรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย
สายอุบลราชธานี-กรุงเทพฯ ในโบกี้เลขที่ 2517 แต่เมื่อขบวนรถวิ่งถึงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือสถานีหัวลำโพง แล้วมีการกักรถเพื่อทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าฝูงเรือด เพียงแค่วันเดียว กลับมีการนำขบวนรถสายดังกล่าว สับรางไปวิ่งขึ้นล่องกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รับส่งผู้โดยสารอีกระลอกนั้น เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อดูการทำความสะอาด อบควัน และฉีดพ่นยาฆ่าตัวเรือด บนรถดีเซลราง ขบวนที่ 22 ปรากฏว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานีว่า รถขบวนดังกล่าวได้วิ่งออกจากสถานีหัวลำโพง ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 11 มี.ค. เพื่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และช่วงเช้าของวันที่ 12 มี.ค. จะวิ่งจากจังหวัดเชียงใหม่กลับไปยังกรุงเทพฯอีกครั้ง เนื่องจากรถดีเซลรางมีไม่เพียงพอ จำเป็นต้องนำไปใช้วิ่งตามเส้นทางต่างๆตามกำหนดเวลาการเดินทาง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายศิริพงษ์ กลั่นศิริ หัวหน้างานรถโดยสารการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า รถขบวนดังกล่าวถูกกักไว้ภายในโรงซ่อมบำรุง
โดยผ่านการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำร้อน อบควัน ฉีดพ่นยาฆ่าตัวเลือดเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นต้องรีบนำรถออกมาใช้วิ่งรับส่งผู้โดยสารไปยังจังหวัดเชียงใหม่และวิ่งกลับกรุงเทพฯ ส่วนสาเหตุที่ต้องรีบนำรถออกมาวิ่งนั้น เพราะปัจจุบันรถดีเซลรางมีใช้งานอยู่แค่ 26 คัน ต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันวิ่งทั่วประเทศ โดยขบวนดังกล่าวปกติใช้วิ่งเส้นทางจังหวัดอุบลราชธานี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี ประกอบกับมีผู้โดยสารจองตั๋วเดินทางไว้แล้ว จึงต้องเดินทางตามกำหนดเวลา มิเช่นนั้นจะทำให้โปรแกรมการเดินทางรวนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ก่อนรถขบวนดังกล่าวออกจากหัวลำโพง ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถว่า ถ้าพบตัวเรือดให้ย้ายผู้โดยสารจากตู้ 2517 ที่มีปัญหาเคยพบตัวเรือดไปยังตู้อื่น ซึ่งเตรียม ที่นั่งสำรองไว้ทันที
นายศิริพงษ์กล่าวอีกว่า กรณีการพบตัวเรือดบนรถดีเซลราง เกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูล
จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบตัวเรือดบนรถดีเซลรางเพียง 6 โบกี้ คือโบกี้หมายเลข 2522 2527 2528 2539 2544 และโบกี้หมายเลข 2517 ที่เพิ่งพบ ขณะนี้โบกี้หมายเลข 2527 กำลังรื้อเบาะและรื้อพื้นไม้อัดอย่างเร่งด่วน เปลี่ยนพื้นเป็นไม้พลัสวู้ด ที่เป็นไม้เนื้อแข็ง ปูทับด้วยแผ่นเรซินและอัดซิลิโคนอุดรอยตะเข็บ รวมทั้งเปลี่ยนเบาะกำมะหยี่เป็นเบาะหนังเทียม โดยแต่ละขบวนจะใช้เวลาเปลี่ยนประมาณเดือนครึ่ง ใช้งบปรับปรุงโบกี้ละ 4.5 แสนบาท ขณะนี้โบกี้หมายเลข 2528 ได้เปลี่ยนพื้นและเปลี่ยนเป็นเบาะหนังเทียมเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถดีเซลรางโบกี้อื่นๆจะเร่งทยอยเปลี่ยนให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เพื่อความสบายใจของผู้โดยสาร