จากกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนว่าเป็นยาเสพติดและเตรียมกวาดล้างนั้น
วันที่ 11 มี.ค. น.พ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.มีมาตรการควบคุมเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอยู่แล้ว และกาเฟอีนนั้นไม่ถือว่าเป็นยาเสพติดหรือสารเสพติด ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของอาหาร ซึ่งอย.ควบคุมปริมาณให้อาหาร เครื่องดื่มต่างๆ สามารถใส่กาเฟอีนได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อหน่วยบรรจุ และต้องแสดงปริมาณกาเฟอีนที่สูตรและส่วนประกอบ พร้อมคำเตือนที่ฉลากให้ชัดเจน
"อย.กำลังให้เจ้าหน้าที่สุ่มตรวจเครื่องดื่มกาเฟอีนในท้องตลาดว่ามีปริมาณเกินที่กำหนดหรือไม่ แต่ยังไม่เคยได้รับรายงานหรือตรวจพบมาก่อนว่าเครื่องดื่มกาเฟอีนในท้องตลาดมีการผสมสารเสพติดแต่อย่างใด หรือหากมีการผสมสารเสพติดลงในเครื่องดื่มก็คงเป็นการทำเองภายหลังการซื้อขายไปแล้ว ซึ่งตรวจสอบยาก อย่างไรก็ตามจะประสานขอข้อมูลไปยังกระทรวงมหาดไทยต่อไป" รองเลขาธิการอย.กล่าว
ภก.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ ผู้ช่วยเลขาธิการด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า
ฤทธิ์ของกาเฟอีนและยาเสพติดนั้นส่งผลต่อสมองต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะกาเฟอีนจะส่งผลกระตุ้นเส้นประสาท โดยปล่อยโปแตสเซียมและแคลเซียมเข้าสู่เซลล์ประสาท ซึ่งเป็นการกระตุ้นอย่างอ่อนๆ ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นเท่านั้น ส่วนสารเสพติด เช่น โคเคนหรือยาบ้าจะออกฤทธิ์ต่อเซลล์ประสาทในสมองส่วนหน้า สารเคมีในยาเสพติดจะทำให้เปลือกหุ้มเซลล์สมองแตกตัว และปล่อยสารเคมีนอร์อีปิเนฟฟรีนในสมองส่วนหน้าทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกเหมือนตกใจสุดขีด มีพละกำลังมากกว่าปกติและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ที่การไฟฟ้านครหลวง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า
ตน ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง กำลังเร่งใช้แนวทางใหม่แก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่เหมือนกับแต่ก่อนที่เน้นแค่การปราบปรามอย่างเดียว แต่ตนจะเจรจากับกลุ่มที่ผลิตยาเสพติด ซึ่งขณะนี้การติดต่อประสานงานคืบหน้าไปมาก โดยตนได้โทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว อีกสักพักตนจะหนีไปเจรจาด้วยตัวเอง คืบหน้าอย่างไรจะแถลงข่าวให้ทราบทันที นอกจากนี้ยังประสานกับกฟน.ซึ่งมีแผนที่จีพีเอสในพื้นที่กทม. สมุทรปราการ และนนทบุรีอย่างละเอียด เราจะป้อนข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสพ ผู้ค้า เข้าไปด้วยและติดตามประเมินผลให้การแก้ไขปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดระเบียบเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประเภทเครื่องดื่มที่มีสารเสพติดทั้งที่ผ่านการรับรองจากอย.แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พูดอย่างนี้แสดงว่าเข้าใจผิด สารกาเฟอีนถือเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด แล้วเป็นไปได้หรือไม่ที่สารกาเฟอีนที่เข้ามาทางบริษัทผลิตเครื่องดื่มชูกำลังจะไหลออกนอกประเทศเพื่อผลิตเป็นยาเสพติดกลับมายังบ้านของเราอีก ขณะนี้ตนยังทำอะไรไม่ได้เพราะมีตำแหน่งเป็นเพียงรมว.มหาดไทย แต่เมื่อมีการแต่งตั้งตนเป็นรองผอ.ศูนย์ปราบปรามยาเสพติดระดับชาติแล้ว ตนจะเรียกเลขาธิการอย.มาคุยว่าเหตุใดจึงอนุมัติให้เครื่องหมายอย.กับเครื่องดื่มชูกำลังพวกนี้ แล้วทำไมต้องผสมสารกาเฟอีนในระดับ 0.5 มิลลิกรัม เพราะสารระดับนี้เมื่อได้รับแล้วจะมีความรู้สึกคึกคักแจ่มใสเหมือนได้เสพสิ่งเสพติด
"เรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งคนทำมาหากิน แต่จะปลุกสังคมให้รู้สึกตัวว่าทำไมเครื่องดื่มพวกนี้ผสมกาเฟอีนลงไปได้ 0.5 มิลลิกรัม แล้วนำออกมาขายอย่างนี้ยังจะชื่นชมกันอีกหรือไม่ แล้วอย.คิดอย่างไร คนพวกนี้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากมายขนาดไหนให้บริษัทเอกชนได้ครอบครองสารกาเฟอีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด นี่ไม่ใช่กลั่นแกล้ง แต่เราต้องดูแลสังคม ผมชอบสู้กับคนรวยจะเอาอย่างไรก็ว่ากัน" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว