สื่อนอกสุดแสบตีข่าวจนท.ไทยทุจริตทำให้ประเทศตกเป็นที่กบดานพวกโจรต่างแดน ผบช.สตม. โต้ทันควัน ทุกอย่างทำตามอำนาจหน้าที่ ระบุ ถ้ามีรายชื่อติดแบล็กลิสไม่เคยให้ใครรอดตัวไป ย้ำ กรณีพ่อค้าอาวุธสงคราม วิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ไม่มีการแจ้งแบล็กลิสไว้ ส่วนกองปราบฯสรุปสำนวนคดีวิกเตอร์ ให้อัยการสูงสุดจัดการต่อ พร้อมออกหมายจับในฐานผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ขณะที่คดีฝรั่งแคนนาดาจอมตุ๋ยที่ถูกตำรวจจับกุมตัวปี 46 ศาลอาญาเลื่อนแถลงเปิดคดีเพราะจำเลยยังไม่มีทนายความช่วยแก้ต่างให้ นัดใหม่ 2 มิ.ย.นี้ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ศาลนัดแถลงเปิดคดีในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายคริสโตเฟอร์ พอล นีล วัย 36 ปี ชาวแคนาดา เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันพรากเด็กเพื่อการอนาจาร หน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำอนาจารเด็กฯ และทำผลิตมีไว้หรือทำให้แพร่หลายซึ่งสื่อลามกอนาจาร โดยเมื่อถึงเวลา ศาลได้สอบถามคู่ความว่าจะนำพยานเข้าสืบกี่ปาก ปรากฏว่าจำเลยแถลงยังไม่ได้จัดเตรียมทนายความ และขอให้การปฏิเสธ ศาลจึงแจ้งกับจำเลยว่า จะจัดหาทนายความให้พร้อมกับเลื่อนการแถลงเปิดคดี เป็นวันที่ 2 มิ.ย.นี้ สำหรับคำฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อกลางปี พ.ศ. 2546 วันใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกได้พราก ด.ช.ดำ (นามสมมุติ) อายุ 9 ขวบเศษ ไปจากบิดา เพื่อการอนาจาร โดยกักขังผู้เสียหาย ในห้องส่วนตัวเพื่อกระทำ อนาจาร และบันทึกภาพวิดีโอเก็บไว้เผยแพร่ไปยังอินเทอร์เน็ต เหตุเกิดที่ แขวงและเขตดินแดง กท. และ ต.หนองละเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 279, 287, 310 และ 317 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ฝรั่งชาวแคนาดา รายนี้เคยมีประวัติทำอนาจารเด็กชายไม่ต่ำกว่า 12 คน ในประเทศเวียดนามและกัมพูชา โดยนำภาพเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตไปทั่วโลกมากกว่า 200 ภาพ ได้รับความนิยมในกลุ่ม “เซ็กซ์วิตถาร” และกลุ่มที่นิยม “เสพกามเด็ก” ถึงขั้นเคยติดชาร์ตอันดับต้น ๆ ของโลกไซเบอร์โดยใช้นามสมมุติว่า “วีโก้” มาแล้ว นอกจากนี้ นายคริสโตเฟอร์ ยังเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนแห่งหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแต่ถูกกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิจับภาพไว้ได้ขณะยืนเข้าคิวยื่นหนังสือเดินทาง และหลักฐานขอ อนุญาตเข้าราชอาณาจักรที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อภาพของ นายคริสโตเฟอร์ ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกทำให้ตำรวจเยอรมนีและตำรวจสากลที่ออกหมายจับนายคริสโตเฟอร์ไว้แล้วในข้อหากระทำอนาจารเด็ก และพยายามติดตามจับกุมตัวมาตลอด ทราบภายหลังว่า นายคริสโตเฟอร์ ไม่ได้มีผมดกดำและเคราหนาเหมือนรูปในอินเทอร์เน็ต เชื่อว่าถูกปรับแต่งด้วยเทคนิคการตัดต่อในคอมพิวเตอร์ แต่ตัวจริงมีศีรษะล้านและสวมแว่นสายตา รวมทั้งมีภรรยาเป็นชาวไทยอีก 1 คนด้วย จึงประสานมายังตำรวจไทยจนสามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ ด้าน สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าว ในวันเดียวกันนี้ไปทั่วโลกว่า กรณีการจับกุมอาชญากรข้ามชาติที่หลบหนีคดีเข้ามาในประเทศไทย ทั้ง นายคริสโตเฟอร์ พอล นีล ชาวแคนาดา ผู้ต้องหาคดีทำอนาจารเด็ก และ นายวิกเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซียที่ถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะมาตรการหละหลวมของการตรวจคนเข้าเมือง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตมิชอบต่อหน้าที่ รวมถึงการที่กรุงเทพฯมีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางด้านการบินในภูมิภาคนี้ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวอย่างดีสำหรับผู้ต้องหาหลบหนีคดีชาวต่างชาติ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช. สตม. กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศวิจารณ์การทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยว่า มาตร การหละหลวมในการจับกุมผู้ก่อการร้ายสากล และผู้ต้องหาคนสำคัญที่ลักลอบเข้ามาในประเทศว่า ต้องเข้าใจว่าหน้าที่ของสตม.เมื่อนายวิกเตอร์ ผู้ต้องหาถูกจับกุมก็จะเข้าไปตรวจสอบ โดยวันที่มีการจับกุม สตม.ได้สั่งเพิกถอนวีซ่าทันที เมื่อเข้ามากรณีอย่างนี้ก็เข้าข่ายบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ และได้แจ้งข้อมูลไปให้กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ทราบว่าบุคคลคนนี้เป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทยแล้ว ถ้าได้รับการปล่อยตัวไม่ว่ากรณีใด ๆ จะต้องนำตัวส่งมาให้ สตม. เพื่อดำเนินตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง “สตม.มีหน้าที่ตรวจตราคนเข้าประเทศทุกช่องทาง เมื่อเข้ามาเราก็มีหน้าที่ตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีแบล็กลิสต์ หรือเป็นบุคคลต้องห้ามหรือไม่ ถ้ามีก็ไม่ให้เข้าประเทศตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถ้ารู้เบื้องต้นก่อนหน้านี้ก็ไม่ให้เข้าอยู่แล้ว แต่กรณีที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าวเข้ามาในลักษณะเป็นผู้โดยสารทั่วไป ไม่มีข้อมูลว่ามีแบล็กลิสต์ เป็นการเดินทางโดยทั่วไปก็ไม่มีเหตุที่ยับยั้งการเดินทางนั้น เราทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้ามีหมายเราก็จับกุมตอนนี้เลย แต่ข้อมูลไม่พบว่าเขาเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ผ่านมาเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับนายวิกเตอร์ และไม่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ดีอีเอของสหรัฐ” ผบช.สตม.กล่าว ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีจับกุมนายวิกเตอร์ ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อสรุปความคืบหน้า รวบรวมหลักฐาน และเตรียมเอกสาร ทั้งหมดเพื่อโอนให้อัยการสูงสุดรับผิดชอบและพิจารณาสั่งการต่อไป โดยพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ขออนุมัติหมายจับนายวิกเตอร์ ฐานเป็นผู้ร้ายข้ามแดนตามคำร้องขอของทางการสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับตามคดีดำที่ จ.5/2551 ที่ 160/2551 ลงวันที่ 7 มี.ค. 2551 ส่วนการต่อสู้คดีของนายวิกเตอร์นั้น นายลักษณ์ นิติวัฒนวิจารณ์ ทนายความได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอเอกสารในคดี โดยนายลักษณ์ กล่าวว่า หลังได้รับมอบหมายตนได้ตั้งคณะทำงานมา 1 ชุด 7 คน แบ่งหน้าที่กันทำงานซึ่งขณะนี้มีหลักฐานสำคัญที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าลูกความของตนไม่ผิดและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธ ซึ่งคดีนี้ขอให้ว่ากันตามพยานหลักฐาน ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐได้บันทึกการสนทนาซื้อขายอาวุธทางโทรศัพท์ระหว่างนายวิกเตอร์ กับกลุ่มกบฏในโคลอมเบียนั้นตนยังไม่ทราบข่าว. |