สืบจากวงจรปิดถึงโจร ปล้นแบงก์ในห้างฯ หนีข้ามวัน-จนมุมตร.

เพียงข้ามวันตำรวจก็สามารถรวบตัวนายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี คนร้ายก่อเหตุปล้นธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เอาไว้ได้สำเร็จ

คนร้ายบุกเดี่ยวปล้นแบงก์กลางห้างฯ อย่างท้าทายกฎหมาย!! นายไพบูลย์ควงปืนปล้นธนาคารด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็หอบเอาเงินสดจำนวนกว่า 8 แสนบาทหลบหนีไป เป็นปฏิบัติการที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพนักงานแบงก์และประชาชนจำนวนมากที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ แต่ยังดีที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์และรูปร่างหน้า ตานายไพบูลย์เอาไว้ได้ รวมทั้งมีพยานหลักฐานมัดชนิดดิ้นไม่หลุด

ในที่สุดนายไพบูลย์ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย

ย้อนไปดูเหตุปล้นธนาคารสะท้านกรุง เกิดขึ้นตอนค่ำวันที่ 2 มี.ค.

ตำรวจสน.บางยี่ขัน รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า แขวงและเขตบางกอกน้อย พ.ต.ท. จุมพล เงินกอบทอง สารวัตรเวรฯ จึงรายงานพล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 พ.ต.อ. ถิร์สทัต บูรณะรัช ผกก.สน.บางยี่ขัน พ.ต.อ. บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.น.7 รับทราบ พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนสน.บางยี่ขัน และกก.สส.น.7 รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบว่าธนาคารดังกล่าวตั้งอยู่บนชั้น 2 ของห้างเซ็นทรัลอยู่ติดกับธนาคารไทยธนาคารและธนาคารธนชาต

มีพนักงานร่วม 10 คนยืนรอให้การด้วยความตื่นตระหนก พร้อมเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาปิดทำการแล้ว ขณะที่ทุกคนกำลังนับเงินและเก็บข้าวของอยู่นั้น ได้มีคนร้ายอายุประมาณ 40 ปี ผิวขาว ลักษณะท้วม สวมเสื้อคลุมซาฟารีสีเหลือง ด้านในสวมเสื้อยืดสีขาวคอสีเข้ม กางเกงสีกากีเข้ม รองเท้าหนัง ในมือมีอาวุธปืน เปิดประตูเหล็กด้านหน้าเดินเข้ามาในธนาคาร พร้อมข่มขู่เอาเงินจนทุกคนต้องยอมเปิดทาง ซึ่งหลังจากนั้นคนร้ายจึงโกยเงินใส่ถุงสีแดงจำนวน 815,000 บาท ก่อนจะวิ่งหนีออกมาจากธนาคารไปทางด้านหลังห้างฯ ขับมอเตอร์ไซค์ 4 สูบสีเหลืองหลบหนีไป

ทุกอิริยาบถของคนร้ายถูกบันทึกไว้ในกล้องวงจรปิด

ตํารวจรีบตรวจดูรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายจากกล้องที่บันทึกไว้ พบว่าหมอนี่ลงมืออย่างท้าทาย ในมือถือปืนส่ายไปมาอย่างน่าหวาดเสียว ซึ่งนับเป็นโชคดีที่คน ร้ายเข้าไปยืนตรงมุมกล้องที่สามารถบันทึกภาพใบหน้าเอาไว้พอดี เมื่อเห็นโฉมหน้าคน ร้ายเจ้าหน้าที่จึงนำภาพไปเปรียบเทียบกับ ทะเบียนราษฎรทันที จึงได้ข้อมูลว่าคนร้ายรายนี้ คือ นายไพบูลย์ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 7 ซอยกานต์ประภา แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ซึ่งนายไพบูลย์ยังไม่เคยมีประวัติอาชญากรมาก่อนหน้านี้

แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจตำรวจจึงเชิญพยานมาช่วยยืนยันอีกที

 โดยในวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่เชิญตัวพนักงานธนาคารที่จำหน้าคน ร้ายได้มาสอบปากคำและดูภาพคนร้ายอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังเชิญตัวเจ้าหน้าที่รปภ.ของทาง ร.พ.เจ้าพระยา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ห้างเซ็นทรัลฯ มาร่วมดูภาพคนร้ายด้วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากหลังเกิดเหตุปล้นธนาคาร ทางร.พ.เจ้าพระยาได้แจ้งเบาะแสมายังตำรวจว่า

มีชายรูปร่างขาวท้วมประสบอุบัติเหตุรถชนมารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ไม่ยอมรอให้แพทย์ทำแผล กลับผลุนผลันวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลไปอย่างมีพิรุธ ซึ่งบางทีอาจเป็นคนร้ายก็ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่รปภ. โรงพยาบาลมาเห็นภาพคนร้าย ก็ยืนยันทันทีว่าใช่คนเดียวกับคนไข้รายที่ได้รับอุบัติเหตุมารักษาเมื่อตอนค่ำวันก่อน เพราะจำหน้าได้ และที่สำคัญ ยังจำรถมอเตอร์ไซค์ 4 สูบสีเหลือง ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเจเอ็กซ์อาร์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนได้แม่นยำ เพราะว่ารถสวย

และเพื่อให้เข้าใกล้นายไพบูลย์ยิ่งกว่านั้น

เจ้าหน้าที่จึงนำภาพนายไพบูลย์ออกแจกจ่ายให้ตำรวจหน่วยอื่นและสายช่วยหาเบาะแสอีกทาง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งจากสายว่ารู้จักนายไพบูลย์ดี เพราะหมอนี่เดินเข้า-ออกบ่อนการพนันหลายครั้ง มีฉายาในบ่อน ว่า "เจ๊กบ้า" ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนตำรวจชุดเฉพาะกิจของกองปราบปรามเข้าทลายบ่อนลอยฟ้า นายไพบูลย์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนักพนันเหล่านั้น โดยในวันนั้นนายไพบูลย์ตกใจกลัวจนช็อกอยู่กลางวงพนัน

ทุกคนจึงจำ "เจ๊กบ้า" ได้ติดตา

เมื่อทุกอย่างชัดเจนขนาดนี้พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. จึงสั่งการให้ตรวจสอบหาความเคลื่อนไหวของนายไพบูลย์ทันที โดยเจ้าหน้าที่ใช้วิธีพิเศษในการสืบสวน แกะรอยจนรู้มาว่านายไพบูลย์พักอาศัยอยู่ที่บ้านวิภาวัณย์อพาร์ตเม้นต์ ตั้งอยู่เลขที่ 201 ถ.สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด และในค่ำวันเดียวกันนั้น ตำรวจบก.น. 7 และตำรวจ 191 จึงนำกำลังเข้าจับกุมนายไพบูลย์ไว้ได้เดี๋ยวนั้น พร้อมเงินของกลางที่ยังเหลือ 6 แสนบาทและอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ที่ใช้ก่อเหตุจึงควบคุมตัวมาดำเนินคดี

สอบสวนนายไพบูลย์ให้การอ้างว่า

ก่อนหน้านี้เคยทำงานดี จบการศึกษาระดับปริญญาโท แต่ที่ต้องลงมือปล้นเพราะล้มป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ต้องนำเงินจำนวนมากใช้รักษาตัวและส่งเสียลูกสาวเรียนหนังสือ ที่เหลือจะเก็บไว้ใช้หนี้พนันและหนี้บัตรเครดิต โดยหลังก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนี เพื่อจะไปหลบที่บ้านพัก ย่านถนนตะนาว แต่เมื่อรถขับออกมาได้ไม่ไกลได้ประสบอุบัติเหตุชนรถเก๋งจนล้มทำให้มีบาดเจ็บที่ขาซ้าย จึงตกลงเรียกค่าเสียหายกับคู่กรณี ก่อนจะแวะไปร.พ.เจ้าพระยา แต่ไม่ได้รอให้หมอรักษาเพราะกลัวตำรวจตามมาจึงหนีกลับบ้านโดยทิ้งรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่โรงพยาบาล

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า

หลังกลับไปที่บ้านย่านตะนาวแล้ว ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์อีกคันไปที่โรงแรมฮอลลีวูด ย่านทองหล่อ โดยเปิดห้องพัก 1 คืน จากนั้นได้ย้อนกลับมาเปิดห้องพักที่บ้านวิภาวัณย์ อพาร์ตเม้นต์ ย่านสิรินธร โดยได้หอบเงินสดทั้งหมด พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. มาด้วย ซึ่งคิดไว้ว่าหากจนมุมตำรวจก็อาจจะยิงตัวตายเพื่อหนีผิด และนอกจากนี้ ในช่วงเย็นยังได้นำเงินไปซื้อรถจักรยาน ยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ รุ่น ซีบี 400 ในราคา 165,000 บาท ที่บริษัทปรีชาธนยนต์มาอีก 1 คัน เพราะตนเป็นคนชอบรถมอเตอร์ไซค์มาก แต่หนีได้เพียงข้ามวันสุดท้ายก็ต้องมาถูกจับกุม

ตำรวจตั้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนฯ ทันที

วันรุ่งขึ้นตำรวจคุมตัวนายไพบูลย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ 5 จุด ท่ามกลางประชาชนที่เดินทางมาดูจำนวนมาก ซึ่งพากันวิพากษ์วิจารณ์การกระทำอันเย้ยกฎหมายในครั้งนี้

สุดท้ายก็หนีไม่พ้นคุก!?!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์