สาวห้าง-ข้างสวนลุม เหยื่อหื่นมัณฑนากร ขืนใจในฟอร์จูนเนอร์

เป็นข่าวฉาวคาวกามสะท้านเมืองกรุง กรณีนายสมศักดิ์ เปรมปราชญ์ มัณฑนากรหนุ่ม วัย 35 ปี ที่ซิ่งรถ "ฟอร์จูนเนอร์" ไปซื้อบริการทางเพศสาวห้าง ข้างสวนลุมพินี

แต่เกิดเรื่องราวตามมา

เมื่อถูกฝ่ายสาวแจ้งความกล่าวหาว่า แทนที่จะจ่ายเงินกันดีๆ ตามที่ตกลงกัน นายสมศักดิ์กลับพาเหยื่อสาวเข้าไปในซอยเปลี่ยวใช้ปืนปลอมจี้บังคับอมนกเขา-และข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ก่อนจะเชิดเอาโทรศัพท์มือถือกับเงิน 1,800 บาทของเหยื่อติดมือไปเป็นของแถม งานนี้นายสมศักดิ์ต้องโดนตามรวบในเวลาเพียงข้ามวัน เพราะเหยื่อสาวจำทะเบียนรถได้

มีฐานะหน้าที่การงานดี แต่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอื้อฉาว!!

นอกจากมัณฑนากรหนุ่มจะโดนข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นแล้ว ยังต้องโดนข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย เพราะหลังถูกจับกุมตำรวจได้ค้นบ้านพักของนายสมศักดิ์ พบอาวุธปืนปลอมและของกลางอีกมากมายหลายรายการ

งานนี้โทษทัณฑ์อื้อซ่า!!

ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 19 ก.พ.

เมื่อน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สาวขายบริการบริเวณข้างสวนลุมพินี ได้พาร่างอันสะบักสะบอมเข้าแจ้งความต่อร.ต.ต.ศักดา ชัยศิริไมตรีกุล พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี ระบุว่าถูกลูกค้าที่มาในมาดคนมีฐานะดี ใช้อาวุธปืนจี้และบังคับข่มขืนในรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน ชค-9015 กทม. เหตุเกิดภายในซอยตัวยู ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งนอกจากนี้คนร้ายยังได้ชิงเงินสดและโทรศัพท์มือถือติดมือไปด้วย

ตำรวจจึงสอบปากคำอย่างละเอียด


น.ส.เอละล่ำละลักเล่าว่า

ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ช่วงหลังพ่ายพิษเศรษฐกิจ ไม่มีเงินใช้ขณะที่รายจ่ายก็เพิ่มขึ้นทุกที จึงต้องหันมาทำอาชีพเสริม โดยมาเป็นสาวขายบริการอยู่ข้างสวนลุมพินีในช่วงหลังเลิกงาน ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐานขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว เข้ามาติดต่อขอซื้อบริการทางเพศ ในราคา 800 บาท และตกลงไปร่วมเสพสุขกันที่โรงแรมร่วมฤดี แต่พอขึ้นรถชายคนนั้นไม่ยอมพาไปโรงแรม กลับเลี้ยวรถเข้าถนนสารสินแล้วขับเข้าไปในซอยตัวยูซึ่งเป็นซอยเปลี่ยวและมืด เมื่อขับรถไปจอดในที่มืดในซอยดังกล่าวแล้ว ชายคนดังกล่าวถามว่ามีถุงยางอนามัยหรือไม่ ตนจึงตอบไปว่าไม่มี ชายคนนั้นจึงหันไปหยิบปืนที่ลิ้นชักหน้ารถออกมา พร้อมกับถอดกางเกงตัวเองออก จากนั้นใช้ปืนจี้บังคับให้ถอดเสื้อผ้า บังคับให้ใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้ พร้อมกับใช้มือถลกเสื้อกล้าม ปลดเสื้อชั้นในคลึงหน้าอก หลังจากนั้นคนร้ายได้ข้ามจากเบาะนั่งคนขับ มาที่เบาะด้านซ้ายที่ตนนั่งแล้วข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง "พอข่มขืนเสร็จเขาหันมาเห็นโทรศัพท์หนูจึงคว้าเอาไป โดยบอกว่าขอนะ สวยดี จากนั้นก็ล้วงกระเป๋าเอาเงิน 1,800 บาทไปด้วย แต่ยังเหลือไว้ให้ 200 บอกเป็นค่าแท็กซี่ พร้อมกับใช้ปืนจี้และไล่หนูลงจากรถ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหลบหนีไป หนูจึงเดินออกมาจากซอยเข้าแจ้งตำรวจ" น.ส.เอเล่าเสียงสั่น

ตำรวจออกตามหาคนร้ายทันที

หมวดศักดารีบประสานพ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส. พร้อมรายงานเหตุการณ์ให้ทราบ เพียงเท่านั้นสารวัตรปิโยรสก็เรียกกำลังมาประชุมเพื่อเช็กทะเบียนรถฟอร์จูนเนอร์ ชค-9015 กทม. เดี๋ยวนั้น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เบาะแสเจ้าของรถคันดังกล่าว ว่าเป็นของนายสมศักดิ์ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 96/111 หมู่ 8 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. มีอาชีพเป็นมัณฑนากรรับออกแบบตกแต่งภายในบริษัทแห่งหนึ่ง ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ จ 234/2551 ลงวันที่ 21 ก.พ. 2551 เข้าจับกุมนายสมศักดิ์ โดยเช้าตรู่วันที่ 22 ก.พ. ตำรวจ สน.ลุมพินี ยกกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมนายสมศักดิ์เอาไว้ได้โดยละม่อม ขณะที่นายสมศักดิ์ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีตำรวจมาล้อมเต็มบ้าน

นายสมศักดิ์ถูกจับนับแต่บัดนั้น


เจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของมัณฑนากรหนุ่มผู้นี้ พอเปิดเข้าไปก็ต้องถึงกับผงะ

เมื่อพบว่าที่บ้านหลังนี้เสมือนเป็นที่เก็บสะสมอาวุธสงครามและปืนนานาชนิด แต่ทว่าทั้งหมดเป็นปืนอัดแก๊สหรือปืนบีบีกันเข้าข่ายสิ่งเทียมอาวุธปืน เป็นปืนปลอมที่นายสมศักดิ์เก็บสะสมไว้เต็มบ้าน มีทั้งเอ็ม-16 และปืนสั้น รวมถึงปืนกล็อกขนาด 9 ม.ม. ของปลอมที่ใช้จี้หัวเหยื่อบังคับขืนใจด้วย และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ยังพบโทรศัพท์มือถือของน.ส.เอ ที่นายสมศักดิ์นำกลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย ทุกอย่างใช้เป็นของกลางมัดคนร้ายได้เป็นอย่างดี

ถึงแม้ทุกอย่างจะชัดเจนขนาดนี้ แต่ทว่านายสมศักดิ์ก็ยังให้การภาคเสธ

 อ้างว่าในวันเกิดเหตุเดินทางไปบริเวณสวนลุมพินีจริง จากนั้นพาผู้เสียหายขึ้นรถ แต่มีการทะเลาะกันก่อน โดยพยายามที่จะข่มขืนผู้เสียหายจริง แต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวไม่สามารถข่มขืนได้เลยล้มเลิกความตั้งใจ ส่วนที่หยิบโทรศัพท์มือถือผู้เสียหายไปเพราะเกรงว่าผู้เสียหายจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจเลยเอามาเก็บไว้

ในเมื่อหลักฐานทุกอย่างชัดเจนทนโท่ พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย

 โดยมีหรือใช้อาวุธปืนข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรทันที ซึ่งนายสมศักดิ์ใช้หลักทรัพย์เงินสด 3 แสนบาทขอประกันตัวกลับไป

ผลจะออกมาอย่างไรกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์