จากกรณีมูลนิธิเพื่อนหญิงได้แฉข้อร้องเรียนพฤติกรรมคุกคามทางเพศของข้าราชการระดับสูง
ที่ไม่ได้มีแต่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และข้าราชการระดับสูงในกรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่ยังมีอีก 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ 1 แห่งด้วย ร้อนถึงโฆษกกระทรวงมหาดไทยแสดงความไม่พอใจกับการแฉข้อมูลพฤติกรรมบรรดาบิ๊กที่ชอบคุกคามทางเพศของกระทรวงนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.พ. นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิงกล่าวว่า ขอยืนยันว่าทุกกรณีที่มูลนิธิฯออกมาเปิดเผยกับสื่อเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนมาจริง
หลายเรื่องมีการดำเนินคดี แต่บางกรณีคดีก็หมดอายุความ บางคดีอยู่ ระหว่างการดำเนินการสอบวินัยของหน่วยงานต้นสังกัด แต่บางกรณีเรื่องยังไม่ถึงต้นสังกัด เนื่องจากมีการยอมความหรือผู้ร้องเรียนถูกข่มขู่ให้ยอมความไปก่อน โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มูลนิธิฯ พร้อมจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้าราชการระดับสูงของอำเภอหนึ่งในภาคอีสานกับลูกจ้างหญิงชั่วคราว และลูกจ้างหญิงชั่วคราวคนดังกล่าวก็พร้อมจะให้ข้อมูลกับทางกระทรวงมหาดไทยเหมือนกัน หากโฆษกกระทรวงมหาดไทยต้องการทราบข้อมูลสามารถ โทร.มาสอบถามตนได้ รวมทั้งลูกจ้างหญิงคนดังกล่าวที่ถูกกระทำก็พร้อมจะให้ข้อมูลเช่นกัน
เพราะเรื่องนี้ได้มีการแจ้งความและอยู่ระหว่างการดำเนินคดี จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาบิดเบือน กุข่าว หรือปลุกกระแส ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลกับสื่อมวลชนนั้น เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นและเข้าใจว่าปัญหากรณีของทาง กทม.นั้นกำลังรอทาง กทม.ประสานมาว่า จะให้เข้าไปยื่นหนังสือร้องเรียนวันไหน คาดว่าน่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
ด้านนางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็ก และเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก นักเคลื่อนไหวกรณีจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูงหลายกรณี กล่าวว่า
ในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นกรณีของบิ๊กตำรวจ กรณีเหตุเกิดบนชั้น 28 พบปัญหาการให้น้ำหนักของสังคมต่อเรื่องเพศ เป็นพื้นที่ส่วนตัว มองเป็นเรื่องเล็ก และเห็นว่าเป็นการสมยอมและเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นความจริงบางส่วน แต่ควรมองให้ไกลออกไปว่า คนที่มีอำนาจเหนือกว่าต้องไม่ใช้พฤติกรรมแบบนี้กับทุกคนในสังคม และต้องเดินหน้าทำความเข้าใจเรื่องจริยธรรมทางเพศต่อไป ไม่ควรปล่อยผ่าน ต้องยอมรับว่าสังคมไทยไม่เคยใส่ใจกับเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้น จำเป็นต้องผลักดันและสร้างความเข้าใจให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาจริยธรรมทางเพศ