องค์กรสตรีรุกแฉ อีก 6 แห่ง มีสมภารกินไก่วัด

พฤติกรรมเชิงชู้สาวหรือสมภารกินไก่วัดของข้าราชการ

ระดับสูงที่นอกจะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่เกิดในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และ กทม.แล้ว ยังปรากฏในอีกหลายกระทรวงที่ข้าราชการมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวทั้งที่สมยอมกันและถูกกระทำลวนลาม โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง เปิดเผยว่า มูลนิธิยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการอีก 6 หน่วยงาน  ซึ่ง หลายกรณีอยู่ระหว่างการดำเนินคดีความ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งใน กทม.

โดยเป็นกรณีที่ถูกหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานคุกคามทางเพศ
 
และบางรายถูกข่มขืนด้วย  อย่างที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข  เป็นกรณีที่แพทย์  ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาบังคับขืนใจลูกจ้าง  ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลในชั้นอุทธรณ์  กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเรื่องของครูข่มขืนครู การข่มขืนระหว่างเพื่อนร่วมงาน และครูข่มขืนลวนลามทำอานาจารนักเรียนซึ่งพบมากในจังหวัดทางภาคอีสาน กระทรวงกลาโหมหัวหน้างานข่มขืนลูกน้อง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างดำเนินการในชั้นศาล  รวมถึงกระทรวงมหาดไทย  ก็มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวจำนวนมาก และมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งข่มขืนผู้ใต้บังคับบัญชา  ซึ่งหลายกรณีข้าราชการหญิงต้องยอมจำนนกับอำนาจของผู้บังคับบัญชา จนกลายเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวในที่สุด ขณะนี้ทุกกระทรวงจะต้องถือเรื่องพฤติกรรมชู้สาว หรือหมาหยอกไก่ หรือพระยาเทครัว ไม่ควรให้มีอย่างเด็ดขาด และควรนำพฤติกรรมเหล่านี้ให้มีผลต่อการพิจารณาเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งด้วย 


นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าวด้วยว่า

ทุกภาคีเครือข่ายทางสังคมต้องออกมาเปิดเผยพฤติกรรมทางเพศในวงราชการ และต้องวางระบบและวางกฎเกณฑ์ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกกดขี่ทางเพศ หรือผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์สามารถส่งข้อมูลทางตรงไปถึงรัฐมนตรี  หรือปลัด  ผู้บริหารสูงสุด แต่ละแห่ง  เพราะหากปล่อยให้ผู้เสียหายดำเนินการเอง ปัญหาแบบนี้ก็อาจจะไม่จบ  แต่หากรัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงเป็นผู้กระทำเองเรื่องนี้ก็ต้องสามารถร้องเรียนโดยตรงไปถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดได้ 

นางสาวสุเพ็ญศรีกล่าวถึงความคาดหวังต่อกระบวน

การตรวจสอบกรณี นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัด พม. และบิ๊ก กทม.ว่า กรณีข้าราชการระดับสูง กทม.นั้น ได้ประสานไปแล้ว ขณะนี้กำลังรอการนัดหมายจากทางผู้ว่าราชการ กทม.เพื่อนำหนังสือร้องเรียนไปมอบให้พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางเครือข่ายและองค์กรสตรีไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการ เพราะคำนึงถึงสัมพันธภาพระหว่างหน่วยงาน และก็รอว่าผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะดำเนินการอย่างไร แต่ เมื่อเรื่องเงียบหาย ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวและนำเรื่องร้องเรียนและความห่วงใยของข้าราชการส่งให้ผู้บังคับบัญชา อย่างเป็นทางการ  ซึ่งการดำเนินการต่างๆ  ก็หวังที่จะเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสังคม  


ด้านนางสุธีรา วิจิตรานนท์ นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ กล่าวว่า

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้นำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมชู้สาวของข้าราชการระดับสูงของ กทม. ที่ข้าราชการ กทม.ร้องไปยังมูลนิธิเพื่อนหญิงไปมอบให้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กทม.แล้ว ทั้งเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2551 ก็ได้รับแจ้งจากนายอภิรักษ์เองว่าได้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และยังบอกว่า กทม.เคยได้รับข้อร้องเรียนนี้ด้วย แต่หลังจากนั้นตนได้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้บริหารใน กทม.หลายคน ทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ  จึงได้นัดหารือกับเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรี เพื่อตรวจสอบจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูง และพันธมิตรกว่า 20 องค์กร ต่างเห็นตรงกันว่าควรจะทำหนังสือไปยื่นถึงนายอภิรักษ์ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด 


ส่วนนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และความมั่นคงของมนุษย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์
 
ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งงานของนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัด พม. กับข้าราชการซี 8 ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาว ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ว่าการแต่งงานใหม่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะนายวัลลภได้หย่าขาดกับภรรยาคนเก่าแล้ว ในแง่กฎหมายและวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่ควรจะไปละเมิดสิทธิ เพราะถ้านายวัลลภไม่หย่ากับภรรยาแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ ตรงนี้จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ดังนั้นสังคมไม่ควรนำเรื่องนี้มาปนกัน ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องการฟอกตัว   


ส่วนกรณีมูลนิธิเพื่อนหญิงเตรียมยื่นหนังสือต่อ “อภิรักษ์” ผู้ว่าฯกทม.

จี้ให้สอบข้าราชการระดับบิ๊กของ กทม.ที่มีพฤติกรรมฉาวสวมบทบาท “สมภารกินไก่วัด” นั้น ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแต่ทราบจากข่าวที่หนังสือพิมพ์ลงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องดูรายละเอียดที่ผู้ร้องร้องว่ามีความเป็นมาอย่างไร มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อจะได้สืบหาข้อเท็จจริงต่อไป 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์