จากกรณีการพบรถตู้ของเหยื่อคดีแชร์รถเช่า จอดทิ้งไว้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย ส.ต.อ.มนตรี เทวรัตน์ ตำรวจสันติบาล ที่เข้าเวรรักษาการระบุว่า มีชายชื่อสมชายขับมาจอดทิ้งไว้นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ส.ต.อ.มนตรี ได้ให้การรับสารภาพแล้วว่าไม่มีคนชื่อสมชายอยู่จริง ตนเองเป็นผู้เช่ารถตู้มาวิ่งรับผู้โดยสารในราคาวันละ 1,000 บาท มีนายตำรวจระดับสารวัตร สังกัด บก.ส.3 เป็นผู้ติดต่อหามาให้ โดยไม่ทราบว่ารถตู้คันดังกล่าวมีที่มาอย่างไร ส่วนการแก้ตัวว่ามีคนชื่อสมชายมาฝากไว้ เพราะกลัวความผิด
การที่ ส.ต.อ.มนตรี ยอมรับสารภาพครั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์สามารถกู้ภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เดิมอ้างว่าไม่สามารถบันทึกภาพคนขับรถตู้กลับมาได้ โดยพบว่า ส.ต.อ.มนตรี เป็นผู้ลบไฟล์ภาพทิ้งเอง ทำให้ ส.ต.อ.มนตรี ยอมจำนนต่อหลักฐาน ทั้งนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง ในเวลาประมาณ 11.00 น.
วันนี้ (14 ก.พ.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีพบรถตู้ที่ถูกฉ้อโกงในคดีแชร์รถเช่า
ว่าถือเป็นหน้าที่ที่ต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏ และทำให้ประชาชนมั่นใจว่าตำรวจไม่ได้ช่วยเหลือกันเอง คาดว่าวันนี้ทุกอย่างจะชัดเจน และเมื่อทราบข้อเท็จจริงก็จะแถลงให้ทราบอีกครั้งว่าใครเป็นผู้มาเกี่ยวข้องกรณีนี้บ้าง ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้นโยบายแล้วว่าต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรม
โฆษก สตช. กล่าวต่อว่า ส่วนจะมีนายตำรวจของกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปศท.) เกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ยืนยัน เพราะการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาต้องมีหลักฐานพยานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการขยายผลให้ครอบคลุมทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด