ชายอ้างตัวเป็นอัยการโร่พบพ่อแม่เหยื่อตื้บบนโรงพัก ขอเคลียร์พร้อมขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยินดีชดใช้ทุกอย่างขณะที่พ่อแม่เหยื่อยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด ระบุหัวอกคนเป็นพ่อแม่รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ตร.เรียกสอบหนุ่มเหยื่อตื้บอีกครั้ง ด้านรองผู้การนครพนมพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากตร.คนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องจะฟันทั้งอาญา และวินัย
จากกรณีนายสมหมาย สมจิต อายุ 66 ปี และนางวิยะดา สมจิต อายุ 59 ปี สามีภรรยา เจ้าของร้านวิยะดา
ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง และรับจัดโต๊ะจีน ตั้งอยู่ที่ถนนอภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม พานายสราวุฒิ สมจิต อายุ 37 ปี ลูกชายเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากพล.ต.ต.ประ สิทธิ์ ทำดี ผบก.ภ.จว.นครพนม กรณีถูกชายคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นอัยการในจ.นครพนมทำร้าย เนื่องจากไม่พอใจที่ลูกชายอาสาโบกรถให้ถอยหน้าผับเพื่อชีวิตชื่อดัง ก่อนโทร.แจ้งตำรวจสายตรวจอุ้มขึ้นโรงพักสภ. เมืองนครพนม ทำร้ายจนสลบ อาการปางตาย เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังงานเลี้ยงส่งผกก.คนหนึ่ง โดยพล.ต.ต.ประสิทธิ์สั่งสอบข้อเท็จจริง ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.พ.
ร.ต.ท.ทองพูน ประกอบกิจ พงส.(สบ1) สภ.เมืองนครพนม ร้อยเวรเจ้าของคดี เรียกนายสราวุฒิมาให้ปากคำเพิ่มเติม หลังเข้าแจ้งความไว้เบื้องต้นหลังเกิดเหตุหนึ่งวัน โดยนายสราวุฒิเดินทางมา พร้อมนางวิยะดา และนายชัยชนะ บรมสำลี อายุ 62 ปี พ่อตา นางรัชดา สมจิต อายุ 37 ปี ภรรยา และนายพงศกร สุพร อายุ 38 ปี ญาติซึ่งเป็นทนายความ จากนั้นร.ต.ท.ทองพูนสอบปากคำนายสราวุฒิอย่างละเอียดอีกครั้ง ใช้เวลานานร่วม 3 ชั่วโมง ต่อมานำนายสราวุฒิลงมาจากโรงพักเพื่อมาชี้จุดเกิดเหตุ
นายสราวุฒิกล่าวหลังให้ปากคำว่า พนักงานสอบ สวนกล่าวระบุว่ารู้ตัวและทราบชื่อผู้ที่ลงมือทำร้ายตนแล้ว
ขอยืนยันว่าจำหน้าได้แม่นขณะโบกรถ ซึ่งไม่ใช่รถอัยการ แต่เป็นรถลูกค้าคนอื่นที่กำลังจะกลับ ตนไม่รู้จักกันและไม่เคยมีเรื่องมาก่อน หลังถูกตำรวจสายตรวจนำตัวเข้าห้องสอบสวนที่ข้างห้องจราจร จำได้แม่นอีกครั้งว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เจอหน้าผับเพื่อชีวิตตะวันแดงเดินเข้ามา ขณะนั้นตนก้มหน้า พอเงยขึ้น ชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นอัยการเตะที่หน้าอย่างจัง และใช้มือต่อยรัวอีกหลายครั้งจนเลือดกบปาก จนถึงขณะนี้เลือดกำเดาจมูกขวายังไหลไม่หยุด
ด้านนางวิยะดา แม่ผู้เสียหายกล่าวว่า
ไม่ยอมความเด็ดขาด ยิ่งเป็นเจ้านายใหญ่โตมาก่อเหตุในสถานที่ราชการ โดยเฉพาะในโรงพัก ทำไมตำรวจไม่จับ มาทำร้ายลูกตนเจ็บหนักอย่างนี้คงยอมไม่ได้ หลังปรึกษากับสามีและญาติแล้วยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จะเดินหน้าติดตามคดีหาคนก่อเหตุโดยไม่ยอมหยุด ถ้าจะมาขอขมาหรือเสนอจ่ายคำทำขวัญให้ต้องคุยกันก่อน ลูกเราไม่ใช่ลูกหมูลูกหมา เป็นลูกมีพ่อมีแม่ หัวอกคนเป็นพ่อแม่รับไม่ได้ ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด
นายสมหมาย กล่าวว่า
ช่วงเที่ยงขณะวุ่นวายขายก๋วยเตี๋ยวเป็ดให้ลูกค้า ชายคนที่อ้างว่าเป็นอัยการที่ตกเป็นข่าว พร้อมผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพูดคุยไกล่เกลี่ยเพื่อเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น โดยกล่าวขอโทษ ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไปแต่เพียงผู้เดียว ลูกผู้ชายทำแล้วขอรับผิด จะเสียค่าใช้จ่ายมากเท่าไหร่ก็ยอม ขอโอกาสบ้าง ชายคนดังกล่าวเห็นตนกำลังยุ่ง จึงบอกว่าจะกลับมาพบใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังอ้างว่ายังไม่รู้ข่าวที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งเดินทางกลับบ้านที่จ.มหาสารคามมาทำงาน ซึ่งตนไม่ได้สนใจต่อคำขอโทษ ยืนยันว่าจะเอาเรื่องและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างในการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
ด้านพ.ต.อ.ชัยญัติ สายถิ่น รองผบก.ภ.นครพนม กล่าวว่า
หลังเกิดเหตุรับเรื่องไว้ พร้อมสั่งการให้พนักงานสอบสวนเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ แต่ผู้เสียหายยังไม่พร้อมและมีอาการมึนงง แต่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างว่ามีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นอัยการคนหนึ่งก็ยังไม่ได้รับรายงานข้อมูล และยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ต้องรอให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำให้แน่ชัดก่อนว่าใครมีส่วนร่วมบ้าง
"เท่าที่ซักถามถึงเหตุการณ์ มีการแจ้งให้ตำรวจไประงับเหตุ ส่วนจะมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกี่คนหรือไม่ ใครผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย ดำเนินคดีทั้งทางอาญาและตามระเบียบวินัยของตำรวจ เราจะให้ความเป็นธรรม ซึ่งผู้บังคับบัญชาเร่งรัดให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนสถานบริการทุกแห่ง ล่าสุดให้นโยบายไป 4 ข้อคือ1.ห้ามพกพาอาวุธ 2.ห้ามมีสิ่งสารเสพติดทุกชนิด 3.ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการ และ 4.ให้ปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด" พ.ต.อ.ชัยญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน นายสมหมาย นายชัยชนะ และนายพงศกรเดินทางเข้าพบพล.ต.ต.ประสิทธิ์ นายสมหมาย เปิดเผยภายหลังเข้าพบว่า พล.ต.ต.ประสิทธิ์รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว