นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามตรวจสอบภาวะราคาก๊าซหุงต้ม, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันถั่วเหลือง, เหล็ก, ผลิตภัณฑ์นม และแป้งสาลี อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะสินค้าที่มีต้นทุนจากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะหากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น สินค้ากลุ่มนี้อาจจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามภาวะต้นทุนที่แท้จริง รวมทั้งติดตามตรวจสอบเพื่อให้สินค้ามีเพียงพอ และเป็นไปตามกลไกราคาที่แท้จริง เช่น กรณีน้ำมันพืชที่ให้ปรับราคาขึ้น เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง และยังมีโอกาสที่น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจะปรับราคาขึ้นอีก ส่วนการติดตามสถานการณ์น้ำมันพืชนั้น ได้รับรายงานจากกรมการค้าภายในว่า ขณะนี้ความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองอยู่ในภาวะปกติ จากก่อนหน้านี้ขาดแคลนบางช่วง โดยขณะนี้ห้างค้าปลีกได้รายงานว่า ผู้บริโภคซื้อน้ำมันพืชตามปกติไม่มีการกักตุน แม้ราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดมีการปรับขึ้น แต่ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในดูแล อย่าให้สินค้าขาดแคลนหรือมีการโก่งราคาเกิดขึ้น นายศิริพลยังกล่าวว่า กรณีราคาก๊าซหุงต้มปรับขึ้น 3-6 บาทนั้น จากการวิเคราะห์พบว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มมีผลกระทบต่อต้นทุนประกอบอาหารประมาณ 1 สตางค์/จาน, ผู้ขับรถแท็กซี่ประมาณ 16 บาท/วัน
จึงไม่ใช่ข้ออ้างที่ร้านอาหารจะขยับราคาขึ้น และคาดว่าอาหารสำเร็จรูปไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำราคาอาหารสำเร็จรูป จะขายอาหารในฟู้ดคอร์ตไม่เกินจานละ 30 บาท ทำให้ร้านค้าทั่วไปไม่ปรับราคาขึ้นแน่ ทั้งนี้ 1 ก.พ. นี้ จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่า ร้านอาหารฟู้ดคอร์ตลดราคาลงมาเหลือจานละ 30 บาทหรือยัง หากห้างใดไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ จะใช้วิธีประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ว่าร้านนี้ขายอาหารแพง หรือมีมาตรการบังคับ แต่หากห้างใดขายต่ำจะประชาสัมพันธ์ให้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า สถานการณ์ เงินเฟ้อเดือน ม.ค.นี้ ที่จะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการวันที่ 1 ก.พ.นี้ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
เนื่องจากราคาน้ำมันสูงต่อเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็นอัตราที่สูงกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 85 เหรียญสหรัฐฯ และยังได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นหลายรายการ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินเฟ้อทั้งปียังอยู่ในกรอบ 3.5% ตามที่ตั้งเป้าไว้
|