นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ได้มีการแก้ไขพ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494
ซึ่งกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและจะมีผลบังคับใช้ใน 1-2 วันนี้ โดยมีการปรับวิธีการคำนวณเงินบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทใหม่ จากเดิมที่คำนวณให้ 30 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน แก้ไขเป็นคำนวณจาก 30 เท่าของเงินบำนาญรายเดือนรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ปัจจุบันมีผู้รับบำนาญที่จะได้รับผลในครั้งนี้ 339,312 คน โดยจ่ายเป็นเงินบำนาญ เดือนละ 4,600 ล้านบาท และเงิน ช.ค.บ. เดือนละ 829 ล้านบาท ซึ่งผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญบางรายได้รับเงินบำนาญไม่มากแต่เป็นเงิน ช.ค.บ. มากกว่า เพราะเมื่อมีการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการก็จะมีการปรับเงิน ช.ค.บ. เพิ่มให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญด้วย จึงทำให้ทายาทได้รับเงินบำเหน็จตกทอดมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ ยังแก้ไขการจ่ายเงินบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพให้แก่ผู้รับบำนาญที่มีสิทธิที่ได้รับเงินบำนาญปกติรวมกับเงินบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพแล้ว
ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน ก็ให้ได้รับเงินบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพ เพิ่มขึ้นอีกจนครบ 15,000 บาทต่อเดือน โดยมีการวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่เหมาะสมกับผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้รับบำนาญเหตุทุพพลภาพที่ได้รับเงินต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน