เหตุเกิดช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายกมล ชั่งทอง นายสถานีรถไฟชุมแสง รับแจ้งว่ามีรถไฟเสียและตกรางก่อนเข้าสถานีรถไฟชุมแสง จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบโบกี้รถไฟขบวนรถที่ 212 วิ่งระหว่างตะพานหิน-กรุงเทพฯโบกี้ที่ 3 ตกรางบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 280/10-11 บริเวณสับหลีกก่อนเข้าสถานีรถไฟชุมแสง หลังจากวิ่งออกมาจากสถานีรถไฟวังกร่าง ก่อนถึงสถานีรถไฟชุมแสง 4 กิโลเมตร
จากการสอบถามทราบว่า
ขบวนรถที่ 212 วิ่งจากตะพานหินเข้ากรุงเทพ ออกจากสถานีตะพานหินเวลา 05.25 น.เมื่อขบวนรถวิ่งเข้าสถานีวังกร่างและหลังจากที่ขบวนรถออกจากสถานีวังกร่าง ขบวนรถวิ่งมาถึงบริเวณหลักกม.ที่ 284/2 ขบวนรถมีอาการผิดปกติ พนักงานขับรถจึงจอดขบวนรถดูพบว่าปลอกล้อหลังขวาเกิดแตก ทำให้เพลาเคลื่อน พนักงานขับรถจึงได้ถ่ายผู้โดยสารจากโบกี้ที่ 3 ไปขึ้นโบกี้ที่ 1-2 แล้วตัดโบกี้ที่ 3 ทิ้งไว้ ณ จุดเกิดเหตุ ต่อมาขบวนรถที่ 202 วิ่งจากพิษณุโลก-กรุงเทพ วิ่งมาถึงสถานีรถไฟวังกร่าง แต่วิ่งต่อไปไม่ได้ จึงตัดขบวนรถออกทิ้งไว้ที่สถานีวังกร่างจากนั้นใช้หัวรถจักรดีเซล 4413 ซึ่งเป็นหัวรถจักรขบวน 202 วิ่งมาตรวจสอบพร้อมช่างเครื่อง และใช้หัวรถจักรวิ่งดันโบกี้ที่ 3 เพื่อเข้าสถานีชุมแสง แต่เมื่อถึงหลัก กม. 280/10-11 ซึ่งเป็นจุดสับหลีกรถไฟก่อนเข้าสู่สถานีชุมแสง และจะต้องดันโบกี้ที่ 3 เข้าราง 2 เพื่อจะได้ไม่ขวางการเดินรถในรางที่ 1 แต่โบกี้ที่ 3 ไม่มีบังใบบังคับล้อ จึงเข้ารางที่ 2 ไม่ได้ ล้อรถตกจากรางรถไฟ โบกี้ที่ 3 ตกรางและกีดขวางทางรถไฟ ทำให้การเดินรถติดชะงักเป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง
ด้านการแก้ไขยกโบกี้ที่ตกราง
นายวสันต์ พรรณภักตรา สารวัตรงานเดินรถแขวงอุตรดิตถ์ ได้มาตรวจสอบดูแลโบกี้ที่ตกรางแล้วประสานกับเทศบาลเมืองชุมแสง โดยขอรถแบคโฮจากเทศบาลให้ไปช่วยยกโบกี้รถไฟขึ้น และนำเข้าสถานีชุมแสงในรางที่ 2 เพื่อนำเข้าอู่ซ่อมแซมต่อไป โดยยกเสร็จเมื่อเวลา 12.30 น. ทำให้ขบวนรถไฟสายเหนือเป็นอัมพาตนานกว่า 4 ชั่วโมง