ผู้เขียนได้สนทนากับเพื่อนคนหนึ่งที่ร่ำเรียนมาทางด้านแพทย์ศาสตร์ และทำงานอยู่ในแวดวงงานสุขภาพ จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า เขากลัวตัวเองจะเป็นโรคติดเชื้ hiv กับซิฟิลิสมากที่สุด มากกว่าโรคร้ายชนิดอื่นๆ เช่นมะเร็งเสียอีก
คำตอบที่ได้รับว่ามันช่างชัดแจ้งอะไรเสียอย่างนั้น เพราะคนที่เป็นโรคอื่นๆ เช่น มะเร็ง ไต แม้แต่ตับแข็ง หรือถุงลมโป่งพอง ก็ยังไม่ถูกสังคมประณาม เหมือนกับคนที่เป็นโรคติดเชื้อ hiv โรคซิฟิลิส
เพราะเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของ "บาป" ในการอธิบายตามหลักศาสนา แต่มันจะได้รับการยกเว้นบาปนั้น เมื่อเพศสัมพันธ์นั้นมีขึ้นเพื่อเป้าหมายของการมีลูก และต้องผ่านการทำพิธีแต่งงานและรับรองความศักดิ์สิทธิ์ด้วยพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว
hivหรือคนทั่วไปเรียกเอดส์ คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ของสังคม ตราบใดที่เราไม่ได้ไปลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไปลดทอนอำนาจในการเข้าถึงทรัพยากรของผู้ติดเชื้อให้มีสิทธิมีเสียงน้อยกว่าคนอื่นๆ ในสังคม
ทั้งๆ ที่ใครก็รู้ว่าทุกวันนี้มียาที่ช่วยยืดอายุของผู้ติดเชื้อให้มีชีวิตยาวนานออกไปเป็นสิบๆ มียาป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากพ่อแม่สู่ลูก มีถุงยางอนามัยป้องกันการรับเชื้อhiv และในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะได้รับข่าวดีเรื่องวัคซีนป้องกันเอดส์ หรือสารลดการติดเชื้อในช่องคลอด (Microbicide) แต่พูดไปทำไมมี เพราะโรคนี้มันเป็นโรคทางสังคม ที่ยากจะเยียวยาได้ด้วยวัคซีนหรือสูตรยาราคาแพงเพียงเท่านั้น
ใครๆ ก็ไม่อยากติดเชื้อ hiv ก็ด้วยเหตุผลประการฉะนี้แล
ระหว่างเป็นมะเร็งกับติดเชื้อ hiv ทำไมคนถึงเลือกที่จะเป็นมะเร็งทั้งๆที่ติด hiv แล้วรักษาได้
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ระหว่างเป็นมะเร็งกับติดเชื้อ hiv ทำไมคนถึงเลือกที่จะเป็นมะเร็งทั้งๆที่ติด hiv แล้วรักษาได้
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!