สถานการณ์ยาบ้าในบ้านเรายังไม่หมดสิ้นลงง่ายๆ ยิ่งนับวันจะยิ่งมีวิธีการขนถ่ายที่แยบยลไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่การแพร่ระบาด
เมื่อเร็วๆ นี้ตำรวจบก.น.5 ตามแกะรอยล่อซื้อยาบ้าจากสาววัยรุ่นอายุ 18 ปีที่ตั้งท้อง 5 เดือน
ทำหน้าที่ส่งยาไอซ์-ยาบ้าให้กับเจ้าพ่อในคุกเอาไว้ได้สำเร็จ ตามยึดของกลางไว้ได้เกือบ 10 ล้านบาทจึงนำตัวมาดำเนินคดี ขณะที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง (ลาดยาว) ก็เกิดเหตุคนร้ายพยายามลักลอบนำยาบ้าและโทรศัพท์มือถือ แอบซุกซ่อนใส่รถขนเศษอาหารเข้าไปให้นักโทษถึงในเรือนจำ ยังดีที่เจ้าหน้าที่ดักจับกุมเอาไว้ได้เสียก่อน
นับเป็นพัฒนาการอีกขั้นของแก๊งค้ายา!!
ย้อนกลับไปดูเหตุแรกเกิดขึ้นตอนบ่ายวันที่ 14 ม.ค.
พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 เปิดห้องประชุมบก.น.5 แถลงข่าวจับกุมน.ส.อลิสา หรือ "โม" พานโถม อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 322 ซอยอินทามระ 47 แขวง-เขตดินแดง ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และนายนิคม หรืออั้ม บุญจันทร์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 หมู่บ้านนักกีฬาฯ ถนนศรีนครินทร์ แขวง-เขตบางกะปิ พร้อมของกลางยาบ้า 30 มัด รวม 60,000 เม็ด, ยาไอซ์ 700 กรัม, ยาอี 1,500 เม็ด, รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ ทะเบียน กจ 5392 สมุทรปราการ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนและโทรศัพท์มือถือเอาไว้ได้
2 คนนี้เป็นแก๊งค้ายารายใหญ่ที่ทำมานานแล้ว!?!
ที่มาของการได้ตัว 2 คนร้ายรายนี้ เริ่มจากการที่ตำรวจได้รับรายงานจากสายว่าในพื้นที่บก.น. 5 มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดโดย มีนายตั้ม (ไม่ทราบนามสกุล) นักโทษในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เป็นหัวหน้าแก๊งคอยสั่งการจากในคุก พล.ต.ต.สาโรจน์ จึงสั่งการให้พ.ต.อ.ชวน ชิตประเสริฐ ผกก.สส.บก.น.5, พ.ต.ท.ชูศักดิ์ แจ้งบำรุง, พ.ต.ท.ประยูร ศาลาทอง, พ.ต.ท.อภิรัตน์ สุขศรี รอง ผกก.สส.บก.น.5 จับตาดูความเคลื่อนไหวคนร้ายทันที
เจ้าหน้าที่ส่งสายเข้าไปติดต่อล่อซื้อยาบ้าจากกลุ่มนายตั้มหลายครั้งจนคุ้นเคยกัน
ก่อนที่จะติดต่อขอซื้อยาไอซ์จำนวน 2 ขีด ราคา 200,000 บาท ซึ่งคนร้ายนัดให้ไปรับของที่ริมถนนพระราม 9 ใกล้สี่แยกอสมท. พอถึงเวลานัดหมายพบนายนิคม ขี่รถจักรยานยนต์มีน.ส.อลิสาซ้อนท้ายนำของกลางมาส่งให้ตามนัดจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนจะพาน.ส.อลิสาไปค้นห้องพักเลขที่ 404 บลูการ์เด้นท์ อพาร์ตเมนต์ ซอยรัชดาภิเษก 3 (ซอยชานเมือง 4) แขวง-เขตดินแดง พบยาไอซ์อีกครึ่งกิโลกรัม และยาอี 1,500 เม็ด นอกจากนี้ ยังพบยาบ้า 30 มัด มัดละ 2,000 เม็ด รวม 60,000 เม็ด ที่ห่อด้วยกระดาษสาชุบเทียน เพื่อป้องกันกลิ่นซุกซ่อนอยู่ในรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซของน.ส.อลิสา รวมมูลค่าของกลางประมาณ 8-9 ล้านบาท
ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันมียาบ้ายาไอซ์และยาอีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายทันที
จากการสอบปากคำน.ส.อลิสาให้การว่า
ลาออกจากโรงเรียนพาณิชย์ย่านนนทบุรี เนื่องจากตั้งท้องกับนายเปิ้ล บุญแก้วศรี แฟนหนุ่มที่ทำหน้าที่ส่งยาเสพติดด้วยกัน พวกตนได้รับการว่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 1 แสนบาทเศษ จากนายต้อม และนางจอย (ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งจะนัดนำของมาส่งให้เก็บเอาไว้ และเมื่อมีลูกค้าก็จะโทรศัพท์มาสั่งให้ไปส่งของตามจุดนัดต่างๆ ทุกครั้งนายต้อม และนางจอยจะขับรถเบนซ์สีขาวนำของมาส่งให้ ล่าสุดนัดพบกันที่กลางซอยพหลโยธิน 52 พวกตนเพิ่งทำงานนี้มาเพียง 2 เดือน ก่อนหน้านี้เป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยเท่านั้น
สำหรับนายต้อมและนางจอยเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นเครือข่ายของนายตั้ม
เจ้าพ่อยาเสพติดที่ถูกจำคุกในเรือนจำ ซึ่งลักลอบโทรศัพท์ติดต่อกับลูกน้องให้คอยส่งสินค้าตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนนายตั้มหัวหน้าแก๊งซึ่งอยู่ในคุกก็จะต้องโดนดำเนินคดีเพิ่มด้วย!!
จากรายของแก๊งนายตั้มนักค้ายาบ้ารายใหญ่ มาถึงรายของแก๊งนำยาบ้าซุกซ่อนเข้าไปให้นักโทษในเรือนจำ
ซึ่งในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง คุมตัวนายสุทธิ อนุสรณ์ประทีป อายุ 48 ปี และเจ้าหน้าที่เรือนจำนายหนึ่ง มาลงบันทึกประจำวันกับพ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น โดยระบุว่าทั้ง 2 คนเป็นผู้ต้องสงสัยพยายามลักลอบขนยาบ้าจำนวน 400 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่องเข้าไปในเรือนจำ
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าที่ผ่านมาทำไมยาบ้ากับมือถือจึงหลุดรอดเข้าไปในเรือนจำได้ง่ายๆ!??
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตอนเช้า
เจ้าหน้าที่เรือนจำตรวจค้นรถขนเศษอาหาร ซึ่งเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 82-1417 นนทบุรี ที่นายสุทธิขับเข้ามาในเรือนจำ และส่งต่อให้เจ้าหน้าที่นายหนึ่งขับผ่านเข้าไปในแดนต่างๆ ระหว่างนั้นมีการตรวจค้นตามปกติ และพบเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ทิ้งอยู่ในถังใบหนึ่ง ลักษณะเหมือนขยะทั่วไป แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจดูพบยาบ้าและโทรศัพท์มือถือซุกซ่อนอยู่จึงคุมตัวนายสุทธิ และเจ้าหน้าที่เรือนจำที่รับช่วงขับรถต่อมาสอบปากคำ แต่ทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงนำตัวมาลงบันทึกประจำวันและพากลับไปสอบสวนตามอำนาจ เนื่องจากเหตุเกิดภายในเรือนจำ หากการสอบสวนพบว่ามีการกระทำผิด ทางเรือนจำจะนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีทันที
นายปรีชา นิลศิริ ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางลาดยาว กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า
เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเรือนจำได้ทำการตรวจสอบรถบรรทุกต้องสงสัยตามที่ได้รับรายงานจากสายว่า จะมีเครือข่ายค้ายาเสพติดลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในเรือนจำ หลังจากพบรถยนต์ต้องสงสัยดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบเศษกระดาษที่ขยำเป็นก้อนลักษณะคล้ายกับเศษขยะทั่วไปวางอยู่บริเวณก้นถัง
แต่เมื่อแกะห่อกระดาษออกจึงพบยาบ้า 400 เม็ด!!
"หลังเกิดเหตุสั่งการให้สอบสวนผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจมีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคนขับรถบรรทุกขนเศษอาหาร นอกจากนี้ ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบรถยนต์ทุกประเภทที่เข้าออกภายในเรือนจำด้วย ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานเชื่อมโยงถึงนักโทษหรือเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ จะพิจารณาลงโทษขั้นเด็ดขาดทันที" ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางกล่าว
ต้องช่วยกันป้องกันเพื่อไม่ให้ยาบ้าแพร่ระบาดมากไปกว่านี้
พัฒนาการยาบ้าระบาด นำเข้าคุก-ใช้สาวท้องขน ตร.ซ้อนแผนรวบทันควัน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ พัฒนาการยาบ้าระบาด นำเข้าคุก-ใช้สาวท้องขน ตร.ซ้อนแผนรวบทันควัน