คนญี่ปุ่นคลั่งไคล้นวดสปา แนะธุรกิจไทยลุยแดนปลาดิบ

นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เปิดเผยว่า ปัจจุบันศักยภาพในการขยายธุรกิจสปาและผลิตภัณฑ์ของไทยในญี่ปุ่นมีสูงมาก เพราะตลาดกำลังให้ความสนใจ โดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ของญี่ปุ่นระบุว่า ในปี 2548 สถานบริการที่เกี่ยวเนื่องกับสปาในญี่ปุ่นมี 1,300 แห่ง มีการจ้างคนนวดสปา 3,300 คน มีมูลค่าตลาด 560,000 ล้านเยน คาดว่าสถานบริการสปาจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,673 แห่ง ในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 9 ล้านคน ในปี 2546 เป็น 17 ล้านคน ในปี 2548 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ต่อปี และคาดว่าตลาดจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปอีกนาน


'สปาถือเป็นรูปแบบใหม่ แม้การอาบน้ำแร่เป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ดังนั้น การขยายตัวของสถานบริการสปาในญี่ปุ่น จึงมักเริ่มจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถานที่อาบน้ำ เช่น ธุรกิจที่ให้บริการเซาน่า สถานบริการอาบน้ำสาธารณะ สปาหิน ขณะที่สถานบริการบางประเภท เช่น ร้านเสริมสวย โรงแรมในแหล่งอาบน้ำแร่ และโรงแรมแบบรีสอร์ท ยังเปิดให้บริการสปาไม่มากนัก โอกาสขยายและเปิดบริการใหม่ๆ จึงยังมีอีกมาก อีกทั้ง ชาวญี่ปุ่นยังนิยมให้บัตรใช้บริการสปาเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ ด้วย โดยประเภทของสปาและบริการเสริมความงามที่มีโอกาสขยายตัวสูง ได้แก่ การบริการนวดหน้า สปาหิน ผลิตภัณฑ์สปา โปรแกรมการลดน้ำหนัก เป็นต้น'


นางอัมพวันกล่าวถึงสปาและผลิตภัณฑ์ของไทยว่า มีความได้เปรียบในหลายแง่มุม

จุดแข็งคือ ความเอื้อเฟื้อและอัธยาศัยไมตรีของผู้ให้บริการ การใช้สมุนไพรธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการนวด ซึ่งชาวญี่ปุ่นซาบซึ้งในวัฒนธรรม และวิวัฒนาการของการนวดแผนโบราณของไทยที่สืบทอดมายาวนาน จึงเป็นจุดแข็งที่เหนือกว่าประเทศอื่นๆ แต่สิ่งที่ต้องพัฒนา คือ การสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสปาของไทยว่าเป็นอย่างไร และควรสร้างแบรนด์สินค้าควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ เห็นว่าควรบุกขยายตลาดอย่างจริงจัง เช่น เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เดินสายแนะนำสินค้า ให้ความรู้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างเครือข่ายและขยายตลาด ตั้งตัวแทนจำหน่ายและกระจายสินค้า เป็นต้น


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์