ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ 1003/2550 ลงวันที่ 21 ธ.ค. 2550 ที่แต่งตั้งนายสนธิญาน ชื่นทัยในธรรม ให้รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดและให้ยกคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายอัชฌา สุวรรณปากแพรก พร้อมผู้ บริหารฝ่ายข่าวทีไอทีวีรวม 12 คน
ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ 1003/2550 ลงวันที่ 21 ธ.ค. 50 เรื่องการแต่งตั้งนายนพพร พงษ์เวช ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานี (ด้านบริหาร) และคำสั่งที่ 1004/2550 เรื่องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายข่าว 12 คน เพื่อปฏิบัติงานสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ (ทีไอทีวี) โดยระบุว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจรัฐที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานขององค์กร โดยเฉพาะกรณีการโยกย้ายนายอัชฌาจากผู้อำนวยการฝ่ายข่าวไปดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานีโดยไม่ได้ระบุความผิด และแต่งตั้งบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่จากกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลตามมติ ครม.ให้มาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งเท่ากับเป็นการแทรกแซงการทำงานโดยตรง
กรณีข้างต้นศาลได้ตรวจพิจารณาคำขอและรับฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ความว่า
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าของโครงการดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ ก่อนจะมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เข้ามาดำเนินการกำกับดูแลแทนในช่วงก่อนแปรสภาพไปเป็นทีวีสาธารณะ ซึ่งต่อมาทางกรมประชาสัมพันธ์ได้มีประกาศจ้างเหมาเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ (ทีไอทีวี) จนถึง 31 มี.ค. 2551 แต่ต่อมากลับมีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามารักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าวและโยกย้ายผู้ปฏิบัติงานฝ่ายข่าวเดิมทั้ง 12 คน ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำฟ้องมีมูลที่ศาลจะพิจารณาต่อไปว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้อง (อธิบดีกรมประชาสัม-พันธ์) ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงให้ทุเลาคำสั่งแต่งตั้งนายสนธิ-ญานดังกล่าวไป โดยยังคงให้นายอัชฌาทำหน้าที่เดิมต่อไป ส่วนคำ ร้องที่ขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวให้ยก เนื่องจากผู้ร้องไม่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ใดๆอยู่แล้ว.